แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความผิดฐานฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดในกฎกระทรวงหรือในข้อกำหนดที่ไม่จัดทำบัญชีรับและจำหน่ายไม้แปรรูป บัญชีรับและจำหน่ายสิ่งประดิษฐ์เครื่องใช้หรือสิ่งอื่นใดบรรดาที่ทำด้วยไม้หวงห้ามให้ถูกต้องตามความจริงอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 58 ประกอบด้วยมาตรา 73 ทวิ เป็นกรณีที่กฎหมายบัญญัติเป็นความผิดและกำหนดโทษสำหรับผู้รับอนุญาตตั้งโรงงานแปรรูปไม้หรือผู้รับใบอนุญาตให้ค้าหรือมีไว้ในครอบครองเพื่อการค้าซึ่งสิ่งประดิษฐ์ เครื่องใช้หรือสิ่งอื่นใดบรรดาที่ทำด้วยไม้หวงห้าม จำเลยเป็นเพียงตัวแทนดูแลกิจการโรงงานแปรรูปไม้ที่เกิดขึ้นของผู้รับอนุญาต จำเลยจึงไม่อยู่ในฐานะเป็นผู้รับอนุญาตตั้งโรงงานแปรรูปไม้หรือผู้รับใบอนุญาตให้ค้าหรือมีไว้ในครอบครองเพื่อการค้าซึ่งสิ่งประดิษฐ์ เครื่องใช้หรือสิ่งอื่นใด บรรดาที่ทำด้วยไม้หวงห้ามประการหนึ่ง กับเมื่อผู้รับอนุญาตซึ่งเป็นตัวการได้มอบอำนาจให้จำเลยตัวแทนมีอำนาจเฉพาะสั่งให้คนงานหรือผู้รับจ้างหยุดทำการแปรรูปไม้หยุดขนหรือเคลื่อนย้ายไม้เมื่อได้รับคำสั่งจากพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ อำนวยความสะดวก ตอบข้อซักถาม และรับทราบคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ทำการตรวจสอบกิจการที่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ ลงนามในหนังสือกำกับไม้แปรรูปและลงนามในคำขอใบเบิกทางเพื่อขอนำไม้เคลื่อนที่ และลงนามในหนังสือกำกับสิ่งประดิษฐ์และลงนามในคำขอประทับรอยตราประจำต่อหนังสือกำกับสิ่งประดิษฐ์ติดต่อเจ้าหน้าที่ป่าไม้กับโรงงานแปรรูปไม้ ตามที่ระบุไว้ในหนังสือตั้งตัวแทนเท่านั้น อันมีลักษณะเป็นกรณีที่จำเลยตัวแทนได้รับมอบอำนาจแต่เฉพาะการ จำเลยจึงไม่มีหน้าที่ต้องจัดทำบัญชีรับและจำหน่ายไม้แปรรูป บัญชีรับและจำหน่ายสิ่งประดิษฐ์เครื่องใช้หรือสิ่งอื่นใด บรรดาที่ทำด้วยไม้หวงห้ามตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงหรือในข้อกำหนดดังนี้ แม้จำเลยไม่ได้จัดทำบัญชีดังกล่าว จำเลยก็ไม่มีความผิดฐานฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดในกฎกระทรวงหรือในข้อกำหนดอันเป็นความผิดตามมาตรา 58ประกอบด้วยมาตรา 73 ทวิ และตามข้อกำหนดฉบับที่ 18(พ.ศ.2532) ออกตามความในพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 ว่าด้วยการควบคุมการแปรรูปไม้ ข้อ 14 ระบุว่า ผู้รับอนุญาตต้องอยู่ดูแลกิจการแปรรูปไม้ด้วยตนเอง หากไม่อาจอยู่ดูแลกิจการด้วยตนเองได้ต้องจัดให้มีตัวแทนเป็นลายลักษณ์อักษรตามแบบที่อธิบดีกรมป่าไม้กำหนด เพื่ออำนวยความสะดวกและตอบคำถามแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ และวรรคสามระบุว่า หากฝ่าฝืนให้สั่งพักใช้ใบอนุญาต ตามข้อกำหนดดังกล่าวมีความหมายเพียงว่า ในกรณีที่ผู้รับอนุญาตไม่อาจอยู่ดูแลกิจการแปรรูปไม้ด้วยตนเองได้ ต้องจัดให้มีตัวแทนเพื่ออำนวยความสะดวกและตอบคำถามแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ หากผู้รับอนุญาตฝ่าฝืนไม่จัดให้มีตัวแทนเพื่อการดังกล่าวไว้ก็ให้พนักงานเจ้าหน้าที่สั่งพักใช้ใบอนุญาตของผู้รับอนุญาตได้เท่านั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้รับแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนดูแลกิจการโรงงานแปรรูปไม้จากนายณรงค์ ไชยแก้วเมร์ ผู้ซึ่งได้รับอนุญาตตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยใช้เครื่องจักรเพื่อประดิษฐกรรมทำเครื่องเรือน เครื่องใช้ในบ้านเรือน บานประตูหน้าต่างและได้รับใบอนุญาตให้ค้าหรือมีไว้ในครอบครองเพื่อการค้าซึ่งสิ่งประดิษฐ์เครื่องใช้หรือสิ่งอื่นใดบรรดาที่ทำด้วยไม้หวงห้าม ณ โรงงานเลขที่ 101/4 หมู่ที่ 3 ตำบลหลวงใต้ อำเภองาว จังหวัดลำปาง จำเลยกับนายณรงค์ซึ่งหลบหนีได้ร่วมกันกระทำผิดต่อกฎหมายกรรมต่างกันกล่าวคือ ระหว่างวันที่ 15 ธันวาคม 2533 ถึงวันที่ 15 พฤษภาคม 2534 ทั้งเวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกันตลอดมา จำเลยกับนายณรงค์ร่วมกันมีไม้ประดู่แปรรูป จำนวน331 แผ่น ปริมาตร 3.64 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งเกินกว่า 0.20 ลูกบาศก์เมตร และไม้สักแปรรูปจำนวน 6,774 แผ่น ปริมาตร 40.32 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก.ไว้ในครอบครองภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ โดยจำเลยกับนายณรงค์ไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย จำเลยกับนายณรงค์ร่วมกันมีไม้ประดู่แปรรูปและไม้สักแปรรูปตามจำนวนและปริมาตรดังกล่าว ซึ่งเป็นไม้ที่ยังมิได้ชำระค่าภาคหลวง และไม่มีหนังสือกำกับไม้แปรรูปหรือใบเบิกทางของพนักงานเจ้าหน้าที่กำกับเป็นหลักฐาน ไว้ในครอบครองในโรงงานแปรรูปไม้ที่ได้รับอนุญาตดังกล่าวข้างต้น อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย จำเลยกับนายณรงค์ร่วมกันรับไม้ประดู่แปรรูปและไม้สักแปรรูปตามจำนวนและปริมาตรดังกล่าวไว้ในโรงงานแปรรูปไม้ดังกล่าวข้างต้นโดยไม่ได้จัดทำบัญชีไม้แปรรูปและลงรายการแสดงการได้มาและการจำหน่ายไม้ไปให้ถูกต้องครบถ้วนตามความเป็นจริงของแต่ละวัน อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และจำเลยกับนายณรงค์ร่วมกันรับและจำหน่ายบานประตูและหน้าต่าง อันเป็นสิ่งประดิษฐ์ เครื่องใช้ที่ทำด้วยไม้สักซึ่งเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. ณ โรงงานแปรรูปไม้ดังกล่าวข้างต้นโดยไม่ได้จัดทำบัญชีรับและจำหน่ายสิ่งประดิษฐ์ เครื่องใช้หรือสิ่งอื่นใดที่ทำด้วยไม้หวงห้ามให้ถูกต้องตามความเป็นจริงของแต่ละวัน อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย มีผู้ประสงค์สินบนนำจับนำเจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมยึดไม้ประดู่แปรรูปและไม้สักแปรรูปตามจำนวนและปริมาตรดังกล่าวข้างต้นเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 7, 48, 51, 53 ตรี, 58, 72 ทวิ, 73, 73 ทวิ, 74, 74 จัตวา, 75 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91 ริบไม้ของกลาง และจ่ายสินบนนำจับตามกฎหมาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484มาตรา 48 วรรคหนึ่ง, มาตรา 58 วรรคหนึ่ง, 73 วรรคหนึ่ง วรรคสอง, 73 ทวิ การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 แต่ความผิดฐานร่วมกันมีไม้สักแปรรูปและไม้ประดู่แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นกรรมเดียว ผิดต่อกฎหมายหลายบทลงโทษฐานร่วมกันมีไม้สักแปรรูปซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 จำคุก 3 ปี ฐานร่วมกันฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขในข้อกำหนดที่รัฐมนตรีกำหนดให้ปฏิบัติเพิ่มเติม จำคุก 6 เดือน รวมจำคุก 3 ปี 6 เดือน ริบไม้สักแปรรูปของกลางปริมาตร 7.29 ลูกบาศก์เมตร และไม้ประดู่แปรรูปของกลางปริมาตร 0.21 ลูกบาศก์เมตรคืนไม้สักแปรรูปและไม้ประดู่แปรรูปของกลางส่วนที่เหลือแก่เจ้าของ ข้อหาและคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 58, 73 ทวิ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองโดยคู่ความมิได้ฎีกาคัดค้านว่า โรงงานแปรรูปไม้ที่เกิดเหตุเป็นของนายณรงค์ ไชยแก้วเมรุ์ซึ่งได้รับอนุญาตตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยใช้เครื่องจักรเพื่อประดิษฐกรรม และได้รับใบอนุญาตให้ค้าหรือมีไว้ในครอบครองเพื่อการค้าซึ่งสิ่งประดิษฐ์เครื่องใช้หรือสิ่งอื่นใดบรรดาที่ทำด้วยไม้หวงห้าม และนายณรงค์ผู้รับอนุญาตได้แต่งตั้งให้จำเลยเป็นตัวแทนดูแลกิจการโรงงานแปรรูปไม้ที่เกิดเหตุ ตามหนังสือตั้งตัวแทนเอกสารหมาย จ.6 ตามวันเวลาเกิดเหตุที่โจทก์ฟ้องจำเลยกระทำความผิดฐานร่วมกันมีไม้สักแปรรูปของกลางปริมาตร 7.29 ลูกบาศก์เมตร และไม้ประดู่แปรรูปของกลางปริมาตร 0.21 ลูกบาศก์เมตรไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตในโรงงานแปรรูปไม้ที่เกิดเหตุ คดีคงมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์เพียงประการเดียวว่า จำเลยกระทำความผิดฐานฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดในกฎกระทรวงหรือในข้อกำหนด อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 58, 73 ทวิ หรือไม่ โจทก์ฎีกาว่า แม้จำเลยมิใช่ผู้รับอนุญาต แต่จำเลยเป็นตัวแทนดูแลกิจการโรงงานแปรรูปไม้ที่เกิดเหตุ จำเลยก็มีหน้าที่ต้องจัดทำบัญชีและจำหน่ายไม้แปรรูป บัญชีรับและจำหน่ายสิ่งประดิษฐ์ เครื่องใช้หรือสิ่งอื่นใดบรรดาที่ทำด้วยไม้หวงห้ามให้ถูกต้องตามความเป็นจริงตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงฉบับที่ 25 (พ.ศ. 2519) ข้อกำหนด ฉบับที่ 18 (พ.ศ. 2532) กฎกระทรวงฉบับที่ 27 (พ.ศ. 2530) และข้อกำหนดฉบับที่ 15 (พ.ศ. 2526) แทนผู้รับอนุญาต เมื่อจำเลยฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดในกฎกระทรวงและในข้อกำหนดดังกล่าว จำเลยย่อมมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 58, 73 ทวิ นั้น เกี่ยวกับปัญหาดังกล่าวตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 58 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า”การขออนุญาตและการอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวงและในกรณีเฉพาะเรื่อง ถ้ารัฐมนตรีเห็นสมควร จะกำหนดให้ผู้รับอนุญาตปฏิบัติเพิ่มเติมประการใดอีกก็ได้” และมาตรา 73 ทวิ บัญญัติว่า”ฯลฯ ผู้รับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในใบอนุญาตหรือข้อกำหนดให้ปฏิบัติเพิ่มเติมตามมาตรา 58 ต้องระวางโทษ ฯลฯ”กฎกระทรวงฉบับที่ 25 (พ.ศ. 2519) ข้อ 7 ระบุว่า “ผู้รับอนุญาตตั้งโรงงานแปรรูปไม้ ฯลฯต้องทำบัญชีไม้แปรรูปแสดงการได้มาและการจำหน่ายไม้ไปตามแบบที่อธิบดีกรมป่าไม้กำหนด… และผู้รับอนุญาตต้องลงรายการให้ครบถ้วนตามความเป็นจริงอยู่เสมอ”ข้อกำหนดฉบับที่ 18 (พ.ศ. 2532) ข้อ 8 ระบุว่า “ผู้รับอนุญาตต้องจัดทำบัญชีไม้ตามที่กำหนดในกฎกระทรวงให้ถูกต้องตามความเป็นจริงของแต่ละวัน หากฝ่าฝืนหรือปฏิบัติไม่ถูกต้อง ให้สั่งพักใช้ใบอนุญาต” และ ข้อ 11 ระบุว่า “ในกรณีที่มีการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด ข้อ… ข้อ 8… ไม่ว่าผู้รับอนุญาตจะอยู่ในโรงงานหรือไม่ก็ตาม ผู้รับอนุญาตจะอ้างว่าเป็นการกระทำของคนงานหรือบุคคลอื่นไม่ได้ และไม่เป็นเหตุบรรเทาความผิดแต่อย่างใด” กฎกระทรวงฉบับที่ 27 (พ.ศ. 2530) ข้อ 5 วรรคหนึ่ง ระบุว่า “ผู้รับใบอนุญาตต้องจัดทำบัญชีรับและจำหน่าย… ซึ่งสิ่งประดิษฐ์ เครื่องใช้หรือสิ่งอื่นใดบรรดาที่ทำด้วยไม้หวงห้ามที่ได้นำเข้าและจำหน่ายออก… ตามแบบที่อธิบดีกรมป่าไม้กำหนด” และข้อกำหนดฉบับที่ 15 (พ.ศ. 2526) ข้อ 5 ระบุว่า “ผู้รับใบอนุญาตต้องจัดทำบัญชีรับและจำหน่ายสิ่งประดิษฐ์เครื่องใช้หรือสิ่งอื่นใดบรรดาที่ทำด้วยไม้หวงห้ามให้ถูกต้องตามความเป็นจริงของแต่ละวัน ฯลฯ” เมื่อพิจารณาบทบัญญัติมาตรา 58 ประกอบด้วยมาตรา 73 ทวิ และกฎกระทรวง ตลอดจนข้อกำหนดดังกล่าวประกอบกันแล้ว เป็นที่เห็นได้ว่า ความผิดฐานฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดในกฎกระทรวงหรือในข้อกำหนดที่ไม่จัดทำบัญชีรับและจำหน่ายไม้แปรรูป บัญชีรับและจำหน่ายสิ่งประดิษฐ์ เครื่องใช้หรือสิ่งอื่นใดบรรดาที่ทำด้วยไม้หวงห้ามให้ถูกต้องตามความจริงอันเป็นความผิดตามมาตรา 58 ประกอบด้วยมาตรา 73 ทวิ นั้น เป็นกรณีที่กฎหมายบัญญัติเป็นความผิดและกำหนดโทษสำหรับผู้รับอนุญาตตั้งโรงงานแปรรูปไม้หรือผู้รับใบอนุญาตให้ค้าหรือมีไว้ในครอบครองเพื่อการค้า ซึ่งสิ่งประดิษฐ์เครื่องใช้หรือสิ่งอื่นใดบรรดาที่ทำด้วยไม้หวงห้าม ดังจะเห็นได้จากข้อกำหนดฉบับที่ 18 (พ.ศ. 2532) ข้อ 8 ที่ระบุว่า “ผู้รับอนุญาตต้องจัดทำบัญชีไม้ตามที่กำหนดในกฎกระทรวงให้ถูกต้องตามความเป็นจริงของแต่ละวันหากฝ่าฝืนหรือปฏิบัติไม่ถูกต้อง ให้สั่งพักใช้ใบอนุญาต และข้อ 11 ที่ระบุว่า “ในกรณีที่มีการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด ข้อ… ข้อ 8… ไม่ว่าผู้รับอนุญาตจะอยู่ในโรงงานหรือไม่ก็ตาม ผู้รับอนุญาตจะอ้างว่าเป็นการกระทำของคนงานหรือบุคคลอื่นไม่ได้ และไม่เป็นเหตุบรรเทาความผิดแต่อย่างใด” ดังกล่าวข้างต้น ด้วยเหตุผลดังกล่าวเมื่อคดีนี้ข้อเท็จจริงปรากฏว่า จำเลยเป็นเพียงตัวแทนดูแลกิจการโรงงานแปรรูปไม้ที่เกิดขึ้นของนายณรงค์ผู้รับอนุญาต จึงไม่อยู่ในฐานะเป็นผู้รับอนุญาตตั้งโรงงานแปรรูปไม้หรือผู้รับใบอนุญาตให้ค้าหรือมีไว้ในครอบครองเพื่อการค้าซึ่งสิ่งประดิษฐ์ เครื่องใช้หรือสิ่งอื่นใดบรรดาที่ทำด้วยไม้หวงห้ามประการหนึ่ง กับเมื่อนายณรงค์ผู้รับอนุญาตซึ่งเป็นตัวการได้มอบอำนาจให้จำเลยตัวแทนมีอำนาจเฉพาะสั่งให้คนงานหรือผู้รับจ้างหยุดทำการแปรรูปไม้ หยุดขนหรือเคลื่อนย้ายไม้เมื่อได้รับคำสั่งจากพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ อำนวยความสะดวกตอบข้อซักถาม และรับทราบคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ทำการตรวจสอบกิจการที่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้ลงนามในหนังสือกำกับไม้แปรรูปและลงนามในคำขอใบเบิกทางเพื่อขอนำไม้เคลื่อนที่และลงนามในหนังสือกำกับสิ่งประดิษฐ์และลงนามในคำขอประทับรอยตราประจำต่อหนังสือกำกับสิ่งประดิษฐ์ติดต่อเจ้าหน้าที่ป่าไม้กับโรงงานแปรรูปไม้ ตามที่ระบุไว้ในหนังสือตั้งตัวแทนเอกสารหมาย จ.6 เท่านั้น อันมีลักษณะเป็นกรณีที่จำเลยตัวแทนได้รับมอบอำนาจแต่เฉพาะการอีกประการหนึ่ง ดังนี้ จำเลยจึงไม่มีหน้าที่ต้องจัดทำบัญชีรับและจำหน่ายไม้แปรรูปบัญชีรับและจำหน่ายสิ่งประดิษฐ์ เครื่องใช้หรือสิ่งอื่นใดบรรดาที่ทำด้วยไม้หวงห้ามตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงหรือในข้อกำหนดแม้จำเลยไม่ได้จัดทำบัญชีดังกล่าว จำเลยก็ไม่มีความผิดฐานฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดในกฎกระทรวงหรือในข้อกำหนดอันเป็นความผิดตามมาตรา 58 ประกอบด้วยมาตรา 73 ทวิ ตามที่โจทก์ฟ้องและฎีกาส่วนที่โจทก์อ้างในฎีกาว่า ในการตั้งโรงงานแปรรูปไม้ตามสภาพและความเป็นจริงแล้วผู้รับอนุญาตอาจขอตั้งโรงงานแปรรูปไม้หลาย ๆ โรงและแต่ละโรงอยู่ต่างสถานที่กัน กฎหมายจึงเปิดโอกาสให้ผู้รับอนุญาตตั้งตัวแทนได้ตามข้อกำหนดฉบับที่ 18 (พ.ศ. 2532) ข้อ 14 เพื่อให้ตัวแทนดำเนินการต่าง ๆ แทนผู้รับอนุญาต คดีนี้เมื่อจำเลยเป็นตัวแทนของผู้รับอนุญาตตามหนังสือตั้งตัวแทนจำเลยจึงต้องปฏิบัติตามกฎหมายแทนผู้รับอนุญาตที่ต้องจัดทำบัญชีดังกล่าวด้วยนั้น เห็นว่า ตามข้อกำหนดฉบับที่ 18(พ.ศ. 2532) ข้อ 14 ที่โจทก์อ้าง มีข้อความในวรรคหนึ่งระบุว่า “ผู้รับอนุญาตต้องอยู่ดูแลกิจการแปรรูปไม้ด้วยตนเอง หากไม่อาจอยู่ดูแลกิจการด้วยตนเองได้ ต้องจัดให้มีตัวแทนเป็นลายลักษณ์อักษรตามแบบที่อธิบดีกรมป่าไม้กำหนดเพื่ออำนวยความสะดวกและตอบคำถามแก่พนักงานเจ้าหน้าที่” และวรรคสามระบุว่า “หากฝ่าฝืนให้สั่งพักใช้ใบอนุญาต” ซึ่งตามข้อกำหนดดังกล่าวก็มีความหมายเพียงว่า ในกรณีที่ผู้รับอนุญาตไม่อาจอยู่ดูแลกิจการแปรรูปไม้ด้วยตนเองได้ ต้องจัดให้มีตัวแทนเพื่ออำนวยความสะดวกและตอบคำถามแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ หากผู้รับอนุญาตฝ่าฝืนไม่จัดให้มีตัวแทนเพื่อการดังกล่าวไว้ก็ให้พนักงานเจ้าหน้าที่สั่งพักใช้ใบอนุญาตของผู้รับอนุญาตได้ เท่านั้น โดยเฉพาะคดีนี้แม้จำเลยเป็นตัวแทนของผู้รับอนุญาตตามหนังสือตั้งตัวแทน เอกสารหมาย จ.6 แต่ตามหนังสือตั้งตัวแทนดังกล่าวก็มิได้ระบุให้จำเลยมีหน้าที่ต้องจัดทำบัญชีตามที่กล่าวมาข้างต้นอันเป็นหน้าที่ของผู้รับอนุญาตแต่อย่างใด ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2วินิจฉัยว่า จำเลยไม่มีความผิดฐานฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดในกฎกระทรวงหรือในข้อกำหนดอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 58ประกอบด้วยมาตรา 73 ทวิ และพิพากษายกฟ้องโจทก์ในความผิดฐานดังกล่าวนี้มานั้นชอบแล้ว
พิพากษายืน