คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5011/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

เมื่อจำเลยขาดนัดพิจารณา ศาลย่อมมีอำนาจสั่งและดำเนินกระบวนพิจารณาไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 202 แล้วจดแจ้งเรื่องที่กระทำหรือการดำเนินกระบวนพิจารณาทั้งหลายนั้นลงไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาฉบับเดียวกันได้ จำเลยมาศาลในขณะที่ศาลแรงงานกลางกำลังอ่านรายงานกระบวนพิจารณาซึ่งศาลแรงงานกลางได้มีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์ที่เหลือนั้นต่อไปและจดแจ้งว่าคดีเสร็จการพิจารณา ดังนี้ เป็นเรื่องที่จำเลยมาศาลเมื่อพ้นเวลาที่จำเลยจะนำพยานของตนเข้าสืบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205 วรรคสาม (1)จำเลยจึงไม่มีสิทธินำพยานเข้าสืบ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์ ขอให้จ่ายค่าชดเชยพร้อมดอกเบี้ย จำเลยให้การว่า โจทก์มิใช่ลูกจ้างประจำและทำงานติดต่อกันไม่เกิน 120 วัน โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับค่าชดเชย ขอให้ยกฟ้องวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยไม่มาศาล ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา ให้สืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียว แล้วพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยให้แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “จำเลยอุทธรณ์ข้อแรกว่าตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 197 วรรคสองและมาตรา 202 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31 ได้บัญญัติให้ศาลมีคำสั่งในรายงานกระบวนพิจารณาว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาเสียก่อน แล้วจึงจะสืบพยานโจทก์ต่อไปได้ แต่ศาลแรงงานกลางมิได้ปฏิบัติดังกล่าวโดยมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาหลังจากสืบพยานโจทก์ จึงเป็นกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งถือไม่ได้ว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาและชี้ขาดตัดสินไปฝ่ายเดียว พิเคราะห์แล้ว ศาลแรงงานกลางได้จดรายงานกระบวนพิจารณาหลังจากสืบพยานโจทก์ไปได้ 2 ปาก แล้วมีคำสั่งงดสืบพยานโจทก์พร้อมกับนัดฟังคำพิพากษาไว้ในรายงานกระบวนพิจารณา ฉบับลงวันที่ 2 สิงหาคม 2531 ว่า นัดสืบพยานโจทก์วันนี้ ทนายโจทก์มาศาล จำเลยทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มาโดยไม่แจ้งถึงเหตุที่ไม่มาให้ศาลทราบ จึงมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาให้สืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียว โจทก์นำพยานเข้าสืบได้ 2 ปาก และอ้างเอกสาร 5 ฉบับ แล้วเห็นว่า คดีวินิจฉัยได้ ให้งดสืบพยานโจทก์ให้รอฟังคำพิพากษา ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยขาดนัดพิจารณาศาลย่อมมีอำนาจสั่งและดำเนินกระบวนพิจารณาไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 202 แล้วจดแจ้งเรื่องที่กระทำหรือการดำเนินกระบวนพิจารณาทั้งหลายนั้นลงไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาฉบับเดียวกันได้ ไม่เป็นการขัดต่อกฎหมายที่จะถือไม่ได้ว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาและเป็นการชี้ขาดตัดสินคดีไปฝ่ายเดียวตามข้ออุทธรณ์ของจำเลยแต่อย่างใด ส่วนที่จำเลยอุทธรณ์ว่า ทนายจำเลยได้มาศาลในขณะที่ยังไม่เสร็จการพิจารณา และจำเลยขอสืบพยานจำเลยต่อไปแต่ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่อนุญาต เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยมีสิทธินำพยานเข้าสืบต่อไปได้นั้นปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณา ฉบับลงวันที่ 2 สิงหาคม 2531เป็นรายงานกระบวนพิจารณาต่อไปว่า ขณะอ่านรายงานกระบวนพิจารณาฉบับนี้เวลา 9.50 นาฬิกา ทนายจำเลยมาศาลแถลงว่าเพิ่งมาถึงจึงบันทึกไว้ ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยได้มาศาลในขณะที่ศาลแรงงานกลางกำลังอ่านรายงานกระบวนพิจารณาซึ่งศาลแรงงานกลางได้มีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์ที่เหลือนั้นต่อไปและจดแจ้งว่าคดีเสร็จการพิจารณา ดังนี้เป็นเรื่องที่จำเลยมาศาลเมื่อพ้นเวลาที่จำเลยจะนำพยานของตนเข้าสืบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205 วรรคสาม(1)จำเลยจึงไม่มีสิทธินำพยานเข้าสืบได้ ที่ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยนำพยานเข้าสืบจึงชอบแล้ว อุทธรณ์ของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยให้แก่โจทก์ที่ 23เป็นเงิน 16,200 บาท กับดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันเลิกจ้างเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง

Share