คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 501/2537

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

เมื่อผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลย จำเลยกล่าวกับผู้เสียหายว่า เป็นนายจับอย่างไรก็ได้และเรียกทำเย็ดแม่ดังนี้ที่จำเลยกล่าวว่าเป็นนายจับอย่างไรก็ได้ เป็นเพียงคำกล่าวในทำนองตัดพ้อต่อว่า ไม่ได้กล่าวหาว่า ผู้เสียหายกลั่นแกล้งจึงไม่เป็นการดูหมิ่นผู้เสียหาย แต่ที่จำเลยกล่าวว่า เรียกทำเย็ดแม่เป็นคำด่าอันเป็นการดูหมิ่นผู้เสียหายแล้ว จำเลยจึงมีความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติการตามหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 136 เมื่อผู้เสียหายจับกุมจำเลยในข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ จำเลยดิ้นรนขัดขืนและชกหน้าผู้เสียหาย1 ครั้ง จนฟันผู้เสียหายหักและมีโลหิตไหลออกจากปาก จำเลยจึงมีความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 วรรคสองและทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 296 อีกกระทงหนึ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136, 138,296, 91
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136 ให้จำคุก 1 เดือน และมีความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานโดยใช้กำลังประทุษร้ายกับฐานทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 วรรคสอง, 296 เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทหนักฐานทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กาย ให้จำคุก 2 เดือน รวมจำคุก3 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า ตามวันและเวลาเกิดเหตุจำเลยได้จอดรถกีดขวางการจราจรและถูกผู้เสียหายซึ่งกำลังปฏิบัติหน้าที่ตำรวจจราจรทำการจับกุมปัญหาวินิจฉัยมีว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ สำหรับความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่นั้น เชื่อได้ว่าเมื่อผู้เสียหายจับกุมจำเลย จำเลยได้กล่าวต่อผู้เสียหายว่าเป็นนายจับอย่างไรก็ได้ และ เรียกทำเย็ดแม่ ดังนี้ ที่จำเลยกล่าวว่าเป็นนายจับอย่างไรก็ได้ เป็นเพียงคำกล่าวในทำนองตัดพ้อต่อว่า ไม่ได้กล่าวหาว่าผู้เสียหายกลั่นแกล้งจึงไม่เป็นการดูหมิ่นผู้เสียหาย แต่ที่จำเลยกล่าวว่า เรียกทำเย็ดแม่ เป็นคำด่าอันเป็นการดูหมิ่นผู้เสียหายแล้ว จำเลยจึงมีความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติการตามหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136
ปัญหาต่อไปมีว่า จำเลยได้กระทำความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้ายและทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือไม่ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เมื่อผู้เสียหายทำการจับกุมจำเลยในข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ จำเลยได้ดิ้นรนขัดขืนและชกหน้าผู้เสียหาย 1 ครั้ง จนฟันของผู้เสียหายหักและมีโลหิตไหลออกจากปาก จำเลยจึงมีความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 138 วรรคสอง และฐานทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน ซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 296 อีกกระทงหนึ่งแต่พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีประกอบกับจำเลยประกอบอาชีพโดยสุจริตและไม่ปรากฏว่าเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน ควรให้โอกาสจำเลยกลับตัวเป็นพลเมืองดี โดยรอการลงโทษไว้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56”
พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136กระทงหนึ่ง ให้จำคุก 1 เดือน และปรับ 1,000 บาท กับมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 วรรคสอง, 296 เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 296 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 อีกกระทงหนึ่ง ให้จำคุก 2 เดือน และปรับ 1,000 บาทรวม 2 กระทง จำคุก 3 เดือน และปรับ 2,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี และคุมประพฤติจำเลย โดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติประจำศาลชั้นต้นทุก 3 เดือน ตลอดระยะเวลาที่รอการลงโทษ หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30

Share