คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 500/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เคยฟ้องจำเลยขอแบ่งที่ดินในฐานะที่เป็นทายาทของเจ้ามรดกร่วมกับจำเลย จำเลยต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย คดีถึงที่สุดโดยศาลฟังว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย ต่อมาโจทก์มาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ โดยบรรยายฟ้องว่าที่พิพาทซึ่งจำเลยปักหลักเขตรุกล้ำเป็นคนละแปลงกับที่พิพาทในคดีก่อน จำเลยให้การต่อสู้ว่าจำเลยปักหลักเขตภายในที่ดินของจำเลยซึ่งเคยเป็นที่พิพาทในคดีก่อน มิได้รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ ประเด็นในคดีนี้จึงมีว่าจำเลยปักหลักเขตรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์หรือไม่ ส่วนประเด็นในคดีก่อนมีว่าที่พิพาทเป็นทรัพย์มรดกซึ่งโจทก์มีสิทธิได้รับส่วนแบ่งร่วมกับจำเลยหรือไม่ ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่ซ้ำกับคดีก่อน ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นเจ้าของที่ดินเนื้อที่ ๑๙ ไร่ ภายในเส้นสีส้มตามแผนที่พิพาทในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๙๕/๒๕๒๓ ของศาลชั้นต้น เมื่อราว ๔ เดือน ก่อนฟ้องคดีนี้ จำเลยได้นำเจ้าพนักงานรังวัดที่ดินดังกล่าวและปักหลักเขตด้านทิศใต้ กว้าง ๑๕๙ เมตร เกินกว่าความกว้างของที่ดินจำเลยตามแผนที่พิพาท๕๙ เมตร รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์คิดเป็นเนื้อที่ ๑๕ ไร่ โจทก์คัดค้าน จำเลยกลับโต้แย้งว่า ที่ดินส่วนที่จำเลยนำรังวัดปักหลักเขตอยู่ภายในเส้นสีส้มตามแผนที่พิพาทเดิม ซึ่งเป็นของจำเลย ขอให้พิพากษาว่าที่ดิน ๑๕ ไร่ อยู่นอกแผนที่พิพาทในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๙๕/๒๕๒๓ ของศาลชั้นต้น เป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้อง
จำเลยให้การว่า ที่พิพาทในคดีนี้เป็นที่แปลงเดียวกับที่ดินซึ่งโจทก์เคยฟ้องจำเลยในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๙๕/๒๕๒๓ ของศาลชั้นต้น จำเลยนำรังวัดปักหลักเขตตามแนวเขตในแผนที่พิพาทในคดีเดิมดังกล่าว มิได้รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์เลย และฟ้องโจทก์ในคดีนี้ซ้ำกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๙๕/๒๕๒๓ ของศาลชั้นต้น ซึ่งถึงที่สุดแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ไม่เป็นฟ้องซ้ำ พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์เคยฟ้องจำเลยขอแบ่งที่ดินในฐานะที่เป็นทายาทของเจ้ามรดกร่วมกับจำเลย จำเลยต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยผู้เดียว คดีถึงที่สุดโดยศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องโจทก์และฟังว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย ปรากฏตามคดีแพ่งหมายเลขดงที่ ๙๕/๒๕๒๓ ของศาลชั้นต้น ต่อมาโจทก์จึงฟ้องจำเลยในคดีนี้ มีปัญหาว่าคดีโจทก์ต้องห้ามมิให้ฟ้องจำเลย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๘ หรือไม่ เห็นว่า คำฟ้องคดีนี้บรรยายชัดว่า ที่พิพาทซึ่งจำเลยปักหลักเขตรุกล้ำเป็นคนละแปลงกับที่พิพาทในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๙๕/๒๕๒๓ของศาลชั้นต้น จำเลยให้การต่อสู้ว่าจำเลยปักหลักเขตภายในที่ดินของจำเลยซึ่งเคยเป็นที่พิพาทในคดีก่อนมิได้รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ ประเด็นในคดีนี้จึงมีว่า จำเลยปักหลักเขตรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์หรือไม่ ส่วนประเด็นในคดีก่อนนั้นมีว่า ที่พิพาทเป็นทรัพย์มรดกซึ่งโจทก์มีสิทธิได้รับส่วนแบ่งร่วมกับจำเลยหรือไม่ เพียงใด ประเด็นทั้งสองคดีจึงต่างกันและโจทก์อ้างการกระทำของจำเลยอันเป็นเหตุให้โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองคดีคนละอย่างต่างวาระกัน การวินิจฉัยคดีก็ย่อมจะต้องอาศัยเหตุที่ต่างกันด้วย ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่ซ้ำกับคดีก่อน จึงไม่ต้องห้ามที่โจทก์จะฟ้องจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๘
พิพากษายืน

Share