คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 500/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

มาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ. 2518ได้นิยามคำว่าขายให้หมายความรวมถึงมีไว้เพื่อขายด้วยดังนั้นในทางกลับกันมีไว้เพื่อขายก็คือขาย
ฟ้องโจทก์บรรยายว่า จำเลยบังอาจมีแอมเฟตามีนอันเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ตามกฎหมายไว้ในครอบครองเพื่อขายแก่ผู้อื่นอันเป็นการขายโดยมิได้รับอนุญาตและคำขอท้ายฟ้องระบุมาตรา 13 กับมาตรา 62 มาด้วยนั้นเป็นการฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยเพียงกระทงเดียว คือฐานมีไว้ในครอบครองเพื่อขาย ในการอุทธรณ์คดีอาญาในปัญหาข้อเท็จจริงนั้น ศาลจะต้องพิจารณาถึงอัตราโทษที่กำหนดไว้ในกฎหมายสำหรับข้อหาแต่ละกระทงความผิดไปว่าต้องห้ามอุทธรณ์หรือไม่สำหรับความผิดฐานมีแอมเฟตามีนอันเป็นวัตถุออกฤทธิ์ไว้ในครอบครองเพื่อขายซึ่งถือได้ว่าเป็นการขายมีอัตราโทษตามมาตรา 89 ให้จำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงห้าแสนบาท จึงไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจมีเมทแอมเฟตามีนอันเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภทตามกฎหมาย จำนวน 17 เม็ด หนัก 3 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อขายแก่ผู้อื่นอันเป็นการขายโดยมิได้รับอนุญาต และจำเลยได้บังอาจขายเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยมีไว้เพื่อขายดังกล่าวจำนวน 17 เม็ด ให้แก่ผู้มีชื่อ โดยมิได้รับอนุญาตขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518มาตรา 4, 6, 13, 62, 89, 106, 116 ฯลฯ และสั่งริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าพยานโจทก์ยังไม่พอฟังลงโทษจำเลย พิพากษายกฟ้องของกลางให้ริบ

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ข้อหาฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่รับอนุญาตมีระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 62, 106 แห่งพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัย ส่วนข้อหาฐานขายเมทแอมเฟตามีน ข้อเท็จจริงยังไม่พอฟังลงโทษจำเลย พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาความผิดในข้อหาฐานมีเมทแอมเฟตามีนอันเป็นวัตถุออกฤทธิ์ไว้ในครอบครองเพื่อขายต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงหรือไม่ว่า มาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518บัญญัตินิยามคำว่าขาย ให้หมายความรวมถึงมีไว้เพื่อขายด้วย ดังนั้นในทางกลับกันมีไว้เพื่อขายก็คือขาย ตามฟ้องที่โจทก์บรรยายว่า จำเลยบังอาจมีเมทแอมเฟตามีนอันเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ตามกฎหมายจำนวน 17 เม็ด หนัก 3 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อขายแก่ผู้อื่น อันเป็นการขายโดยมิได้รับอนุญาตและคำขอท้ายฟ้องระบุมาตรา 13 กับมาตรา 62 มาด้วยนั้นเป็นการฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยเพียงกระทงเดียว คือในฐานมีไว้ในครอบครองเพื่อขาย และในการอุทธรณ์คดีอาญาในปัญหาข้อเท็จจริงนั้น ศาลจะต้องพิจารณาถึงอัตราโทษที่กำหนดไว้ในกฎหมายสำหรับข้อหาแต่ละกระทงความผิดไปว่าต้องห้ามอุทธรณ์หรือไม่ สำหรับความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนอันเป็นวัตถุออกฤทธิ์ไว้ในครอบครองเพื่อขาย ซึ่งถือได้ว่าเป็นการขายมีอัตราโทษตามมาตรา 89 ให้จำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงห้าแสนบาท ฉะนั้นคดีโจทก์จึงไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยในปัญหาข้อนี้จึงไม่ชอบ และศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยไปเลยทีเดียวโดยไม่จำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยในปัญหาข้อนี้ใหม่

ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงว่า พยานหลักฐานโจทก์ไม่มีน้ำหนักพอที่จะฟังได้ว่า จำเลยเป็นผู้มีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อขาย

พิพากษายืน

Share