คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 500/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยให้การต่อสู้คดีว่าที่พิพาทเป็นของบุตรจำเลย และจำเลยได้ครอบครองดูแลแทนบุตรจำเลย แต่จำเลยกลับนำสืบพยานว่าที่พิพาทเป็นเขตคลองสาธารณะ ส่วนที่ที่จำเลยครอบครองดูแลแทนบุตรจำเลยนั้น มีเขตไม่ถึงที่พิพาทเช่นนี้ ข้อนำสืบของจำเลยจึงขัดแย้งกับคำให้การย่อมรับฟังไม่ได้
ข้อเท็จจริงที่ว่าที่พิพาทจะเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินหรือไม่นั้นเป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏขึ้นจากพยานนอกเรื่องนอกประเด็นไม่เกี่ยวกับที่คู่ความจะต้องนำสืบหรือได้จากเอกสารพยานที่มีกฎหมายบังคับให้คู่ความที่กล่าวอ้างต้องแสดง ดังนั้น ที่จำเลยยกขึ้นฎีกาเป็นข้อกฎหมายว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน โจทก์ไม่มีสิทธิครอบครองและไม่มีอำนาจฟ้อง ศาลฎีกาจะรับมาวินิจฉัยเป็นข้อกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5) ไม่ได้ เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 (อ้างฎีกาที่ 1211/2492)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยและพวกร่วมกันบุกรุกเข้าไปตัดฟันพืชผลในที่ดินของโจทก์เสียหายขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้อง ให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย

จำเลยทั้งสองให้การว่า ที่พิพาทเป็นของบุตรจำเลยที่ 1 ได้ซื้อและครอบครองมาบุตรจำเลยที่ 1 ได้ขอออกโฉนดและได้โฉนดแล้วจำเลยที่ 1 ได้ครอบครองดูแลแทน จำเลยไม่เคยตัดฟันพืชผลในที่พิพาท

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยให้การต่อสู้คดีว่า ที่พิพาทเป็นของบุตรจำเลย และจำเลยได้ครอบครองดูแลแทนบุตรจำเลย จำเลยกลับนำสืบพยานว่าที่พิพาทเป็นเขตคลองเลียบ ส่วนที่ที่จำเลยครอบครองดูแลแทนบุตรจำเลยนั้นมีเขตไม่ถึงที่พิพาทนี้ ข้อนำสืบของจำเลยขัดแย้งกับคำให้การเป็นคนละเรื่องกัน ไม่สมข้อต่อสู้ของจำเลย รับฟังไม่ได้ข้อที่จำเลยฎีกาว่า ที่พิพาทเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน โจทก์ไม่อาจยึดถือมีสิทธิครอบครองได้ จึงไม่มีอำนาจฟ้อง และปัญหาข้อนี้เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยไม่ได้ต่อสู้ไว้ ศาลชอบที่จะยกขึ้นวินิจฉัยได้นั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่พิพาทจะเป็นคลองเลียบ และเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินหรือไม่นั้น เป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏขึ้นจากพยานหลักฐานนอกเรื่องนอกประเด็นไม่เกี่ยวกับที่คู่ความจะต้องนำสืบหรือได้จากเอกสารพยานที่มีกฎหมายบังคับให้คู่ความที่กล่าวอ้างต้องแสดงศาลจะรับฟังมาวินิจฉัยเป็นข้อกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5) ไม่ได้ เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 โดยนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 1211/2492

พิพากษายืน

Share