แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
คดีมีทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกิน 200,000 บาท ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ. มาตรา 248 วรรคหนึ่ง ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยซื้อสินค้าจากโจทก์ไปใช้ในกิจการของจำเลย มีอายุความ 5 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/34 ตอนท้ายฎีกาของจำเลยที่ว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลมีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบธุรกิจการค้าหรือประกอบธุรกิจเกี่ยวกับอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ ที่โจทก์ขายแบตเตอรี่แก่จำเลย สินค้าเป็นประเภทใช้แล้วสิ้นเปลืองหมดไปและสามารถส่งให้แก่จำเลยได้เป็นคราว ๆ ไปไม่เกี่ยวข้องกันโดยในใบส่งของโจทก์ได้กำหนดเวลาชำระหนี้ 90 วัน นับแต่วันส่งสินค้า จึงมีอายุความ 2 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/34 (1) ตอนต้น เป็นฎีกาที่ยกข้อเท็จจริงขึ้นใหม่นอกเหนือจากข้อเท็จจริงที่ยุติแล้วตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 เพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่าสิทธิเรียกร้องของโจทก์มีกำหนดอายุความ 2 ปี หรือ 5 ปี จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตามบทบัญญัติดังกล่าว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 4 เมษายน 2538 ถึงวันที่ 11 มิถุนายน 2540 จำเลยสั่งซื้อแบตเตอรี่จากโจทก์เพื่อใช้ในกิจการตามวัตถุประสงค์ของจำเลยหลายครั้งรวมเป็นเงินค่าสินค้าและภาษีมูลค่าเพิ่มทั้งสิ้นจำนวน 139,851.94 บาท จำเลยตกลงจะชำระค่าสินค้าและภาษีมูลค่าเพิ่มภายใน 90 วัน นับแต่วันส่งของ เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2538 จำเลยชำระค่าสินค้าแก่โจทก์บางส่วนเป็นเงิน 25,000 บาท เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2541 จำเลยได้รับสภาพหนี้โดยชำระค่าสินค้าแก่โจทก์บางส่วนเป็นเงิน 38,974.92 บาท ยังคงค้างชำระค่าสินค้าอยู่อีก 75,877.02 บาท โจทก์ทวงถามแล้ว จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 91,209.60 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 75,877.02 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้รับสินค้าจากโจทก์ โจทก์นำคดีมาฟ้องเมื่อพ้นกำหนด 2 ปี นับแต่วันทำสัญญา สิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงขาดอายุความแล้ว การชำระหนี้เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2541 ไม่เป็นการละประโยชน์แห่งอายุความเพราะมิใช่เป็นการชำระหนี้บางส่วนก่อนพ้นอายุความและมิใช่เป็นการรับสภาพหนี้ เพราะมิได้ทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อโจทก์จำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 75,877.02 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2542 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความรวม 1,500 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่า คดีนี้มีทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกิน 200,000 บาท ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่ง ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยซื้อสินค้าจากโจทก์ไปใช้ในกิจการของจำเลย กรณีจึงตกอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/34 ตอนท้าย อายุความสิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงมีกำหนด 5 ปี ฎีกาของจำเลยที่ว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลมีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบธุรกิจการค้าหรือประกอบธุรกิจเกี่ยวกับอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ ที่โจทก์ขายแบตเตอรี่แก่จำเลยตามใบส่งสินค้าเอกสารหมาย จ.10 และ จ.12 สินค้าเป็นประเภทใช้แล้วสิ้นเปลืองหมดไปและสินค้าสามารถส่งให้แก่จำเลยได้เป็นคราว ๆ ไปไม่เกี่ยวข้องกันโดยในใบส่งของโจทก์ได้กำหนดเวลาชำระหนี้ 90 วัน นับแต่วันส่งสินค้า กรณีพิพาทในคดีนี้จึงปรับข้อเท็จจริงเข้ากับข้อกฎหมายได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/34 (1) ตอนต้น ซึ่งใช้อายุความ 2 ปี นั้น เป็นฎีกาที่ยกข้อเท็จจริงขึ้นใหม่ นอกเหนือจากข้อเท็จจริงที่ยุติแล้วตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 เพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่าสิทธิเรียกร้องของโจทก์มีกำหนดอายุความ 2 ปี หรือ 5 ปี จึงเป็ฯฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกาตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวข้างต้น แม้ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยโดยเห็นว่าเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายก็ไม่ทำให้ฎีกาของจำเลยกลับเป็นฎีกาที่ไม่ต้องห้ามไปได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ส่วนฎีกาของจำเลยในข้อที่ว่า การที่จำเลยชำระหนี้บางส่วนแก่โจทก์มิใช่เป็นการรับสภาพหนี้และไม่เป็นการที่จำเลยละประโยชน์แห่งอายุความ สิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงขาดอายุความแล้วนั้น เห็นว่า เมื่อศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยฎีกาของจำเลยในข้อที่ว่าสิทธิเรียกร้องของโจทก์มีกำหนดอายุความ 2 ปี หรือไม่แล้ว จึงไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาข้อนี้ของจำเลยอีกต่อไป เพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลงไป”
พิพากษายกฎีกาของจำเลย ให้คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาทั้งหมดแก่จำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมอื่นในชั้นฎีกานอกจากนี้ให้เป็นพับ.