แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1255, 1270 ไม่ได้บังคับว่าผู้ชำระบัญชีต้องแสดงรายการจ่ายเช็คที่ผู้ชำระบัญชีได้ออกสั่งจ่ายให้แก่ตนเองว่า ตนได้ใช้จ่ายอย่างไรในการชำระบัญชีเป็นราย ๆ ไปทุกราย เมื่อศาลฟังข้อเท็จจริงว่า ผู้ชำระบัญชีแสดงรายจ่ายรวมยอดได้ไม่จำต้องแยกยอด และบัญชีของจำเลยแสดงรายจ่ายถูกต้องแล้ว ก็ไม่มีข้อใดที่ขัดต่อกฎหมาย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทเดินอากาศ ทรานส-เอเชียติ๊ก แอร์ไลน์ (สยาม) จำกัด ซึ่งอยู่ระหว่างจำเลยทั้งสองเป็นผู้ชำระบัญชีเลิกบริษัท จำเลยออกเช็คของบริษัทเบิกเงินจากธนาคารแล้วยักยอกเอาเสีย และจำเลยไม่ลงข้อความที่ออกเช็คจ่ายให้แก่ตนในบัญชีของบริษัท การชำระบัญชีทำเกินกว่า ๑ ปี จำเลยไม่เรียกประชุมใหญ่ในเวลาสิ้นปีทุกปี ขอให้ลงโทษตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๒, ๓๕๓, ๓๕๔ พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วน ฯ พ.ศ. ๒๔๙๙ มาตรา ๓๖, ๔๑, ๔๒
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาคัดค้านในข้อกฎหมาย มีความในข้อหนึ่งว่า ที่ศาลอุทธรณ์ยกประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๒๕๕ ขึ้นวินิจฉัยว่า การชำระบัญชีทำครบถ้วนถูกต้อง แสดงว่าจำเลยได้ทำงบดุลส่งให้ผู้สอบบัญชีตรวจลงสำคัญว่าถูกต้องแสดงว่ายอดจำนวนเงินทรัพย์สินที่บริษัทเลิกมีอยู่เท่าใดนั้น โจทก์เห็นว่า ต้องอ่านมาตรา ๑๒๕๕ กับ ๑๒๗๐ รวมกันไป ซึ่งมาตรา ๑๒๗๐ บัญญัติว่า ผู้ชำระบัญชีต้องทำรายงานแสดงว่า การชำระบัญชีได้ดำเนินไปอย่างใด และได้จัดการทรัพย์สินของบริษัทไปประการใด ในรายงานของผู้ชำระหนี้ไม่มีกล่าวว่า จำนวนเงินที่จำเลยได้ออกเช็คสั่งจ่ายให้แก่ตัวเองหรือเพื่อประโยชน์แก่จำเลยเองนั้น จำเลยได้ใช้จ่ายอย่างไรในการชำระบัญชีของบริษัท
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามกฎมหายที่โจทก์อ้างนั้น ไม่ได้บังคับว่าผู้ชำระบัญชีต้องแสดงรายการจ่ายเช็คที่ผู้ชำระบัญชีได้ออกสั่งจ่ายให้แก่ตนเองว่า ตนได้ใช้จ่ายอย่างไรในการชำระบัญชีเป็นราย ๆ ไปทุกราย เมื่อศาลฟังข้อเท็จจริงว่า ผู้ชำระบัญชีแสดงรายจ่ายรวมยอดได้ไม่จำต้องแยกยอด และบัญชีของจำเลยแสดงรายจ่ายถูกต้องแล้ว จึงไม่ข้อใดที่ขัดต่อกฎหมายอันโจทก์จะฎีกาโต้แย้งในชั้นนี้ได้