แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การคำนวณกำหนดโทษจำคุกนั้น ก.ม.ลักษณะอาญาได้บัญญัติไว้ชัดเจนแล้วว่าเมื่อคำนวณระยะเวลาเป็นปี ก็ต้องคิดเวลา 12 เดือนตามสุริยคติกาลดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 6 ข้อ 22 ถ้าต้องคิดระยะเวลาเป็นเดือนก็ต้องคิด 30 วันเป็นหนึ่งเดือนดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 33
ย่อยาว
นายด้วนหรือเลื่อน จิตรชุ่มต้องคำพิพากษาให้จำคุก ๑ ปี ๖ เดือน ฐานลักทรัพย์ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๙๕, ๕๙ คดีถึงที่สุดแล้วได้ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่า พัสดีเรือนจำคำนวณระยะเวลาจำคุกจำเลยปีหนึ่งตามมาตรา ๖(๒๒) เป็นการไม่ชอบด้วยมาตรา ๓๓ คือต้องคำนวณ ๓๐ วันเป็นเดือนหนึ่ง ปีหนึ่งจึงเป็น ๓๖๐ วัน
ศาลชั้นต้นเห็นพ้องด้วยคำร้องของจำเลย ได้มีคำสั่งให้นับวันจำคุกให้แก่จำเลยตามมาตรา ๓๓ แล้วออกหมายปล่อยจำเลยไปตามวันที่คำนวณได้ตามมาตรา ๓๓
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำสั่งศาลชั้นต้น และให้คำนวณระยะเวลาหนึ่งปีตามมาตรา ๖(๒๒)
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การคำนวณระยะเวลานี้ ก.ม.ลักษณะอาญาบัญญัติไว้ชัดเจนแล้วว่า เมื่อคำนวณระยะเวลาเป็นปี ก็ต้องคิดเวลา ๑๒ เดือนตามสุริยคติกาลดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๖ ข้อ ๒๒ ถ้าต้องคิดระยะเวลาเป็นเดือนก็ต้องคิด ๓๐ วันเป็นเดือนหนึ่ง ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๓๓ ดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไว้
จึงพิพากษายืน