คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4987/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์มอบให้ ช. พนักงานของสหกรณ์การเกษตรจำเลยนำที่ดินของโจทก์ไปจดทะเบียนจำนองประกันเงินกู้ของโจทก์ที่จะกู้จากจำเลยแต่ ช. กลับนำที่ดินของโจทก์ไปจดทะเบียนจำนองประกันเงินกู้ของ ล. จึงเป็นการผิดวัตถุประสงค์ของโจทก์ นิติกรรมจำนองที่ดินดังกล่าวจึงเกิดขึ้นเพราะโจทก์สำคัญผิดในสาระสำคัญแห่งนิติกรรมตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 119

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดิน น.ส.3 ก. เลขที่ 330, 388จำเลยเป็นนิติบุคคลประเภทสหกรณ์จำกัด นายชะแลง พนักงานของจำเลยได้ใช้กลฉ้อฉลโจทก์ ให้โจทก์จดทะเบียนจำนองที่ดินดังกล่าวกับจำเลยเพื่อประกันหนี้เงินกู้ของนางละออง ความจริงโจทก์ประสงค์จะกู้เงินจำเลยเองและจำนองที่ดินดังกล่าวประกันหนี้ การจดทะเบียนจำนองดังกล่าวผิดเจตนาของโจทก์ในสาระสำคัญแห่งนิติกรรม โจทก์บอกล้างและให้จำเลยไปเพิกถอน แต่จำเลยไม่ปฏิบัติตาม ขอให้จำเลยเพิกถอนหรือปลดจำนองที่ดินดังกล่าว จำเลยให้การว่า การกู้เงินและจำนองได้กระทำโดยชอบด้วยกฎหมายและระเบียบข้อบังคับแล้วไม่มีการใช้กลฉ้อฉลหรือผิดเจตนาของโจทก์ขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาตามฎีกาโจทก์ว่า โจทก์จดทะเบียนจำนองโดยสำคัญผิดในสาระสำคัญแห่งนิติกรรมหรือไม่ และจำเลยจะต้องรับผิดต่อกลฉ้อฉลของนายชะแลงหรือไม่ ปัญหาว่าโจทก์สำคัญผิดในสาระสำคัญของนิติกรรม โจทก์นำสืบว่า นายชะแลงพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยมาชวนโจทก์ให้เป็นสมาชิกสหกรณ์ ต่อมาโจทก์นัดนายชะแลงว่าจะไปขอกู้เงิน นายชะแลงว่าต้องมี น.ส.3 และบัตรประจำตัวประชาชน โจทก์เอา น.ส.3 จำนวน 2 ฉบับ และบัตรประจำตัวประชาชนไปให้นายชะแลง แล้วต่อมาไปรับเอกสารในซองสีน้ำตาลจากบ้านนายชะแลง ซึ่งนายชะแลงปิดผนึกไว้ โจทก์ไม่ได้อ่านว่าในซองสีน้ำตาลมีเอกสารอะไร มีข้อความว่าอะไร เอาซองสีน้ำตาลไปให้เจ้าพนักงานที่ดินอำเภอปากพนัง เจ้าพนักงานที่ดินให้โจทก์และภรรยาลงชื่อ เมื่อโจทก์และภรรยาลงชื่อแล้ว เจ้าพนักงานที่ดินมอบ น.ส.3 ทั้ง 2 ฉบับ และเอกสารอื่นอีก 4 ฉบับ คืนให้โจทก์โจทก์กลับมาอ่านดูแล้ว เห็นว่า ไม่ตรงกับเจตนาของโจทก์เพราะเป็นการจำนองประกันเงินกู้นางละออง สินชัย จำนวน 35,000 บาท จึงไปหานายชะแลง นายชะแลงว่าโจทก์เป็นคนกู้ ประมาณ 1 เดือน ต่อมาโจทก์จึงไปแจ้งนายเคล้าผู้จัดการของจำเลย และจำเลยได้ตั้งกรรมการสอบความผิดของนายชะแลงแล้ว ลงมติให้ไล่นายชะแลงออกเพราะประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง จำเลยนำสืบว่า ผู้ที่จะขอกู้เงินได้ต้องเป็นสมาชิกสหกรณ์ เรื่องนี้ตามเอกสารนางละออง สินชัยสมาชิกสหกรณ์ได้ขอกู้เงินโดยมีหนังสือรับรองจากประธานกลุ่มโจทก์เป็นเจ้าของหลักประกันคณะอนุกรรมการของจำเลยพิจารณาแล้วอนุมัติให้กู้ได้ จึงได้ให้ประธานสหกรณ์และเลขานุการสหกรณ์ไปลงชื่อรับจำนองที่สำนักงานที่ดินอำเภอปากพนัง ได้ผ่านขั้นตอนของกฎหมายทุกอย่าง ตามข้อเท็จจริงที่โจทก์จำเลยนำสืบมานี้เห็นว่า โจทก์มอบให้นายชะแลงไปทำเรื่องเพื่อขอกู้เงินจากสหกรณ์การเกษตรเมืองนครศรีธรรมราช จำกัด จำเลย โดยนำที่ดินของโจทก์จดทะเบียนจำนองเป็นประกันเงินกู้ของตนเอง แต่นายชะแลงกลับดำเนินการจดทะเบียนจำนองที่ดินของโจทก์เป็นประกันเงินกู้ของนางละออง เป็นเงิน35,000 บาท โจทก์ทราบเรื่องจึงแจ้งให้นายเคล้าผู้จัดการของจำเลยทราบ จำเลยได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนความผิดของนายชะแลงแล้วคณะกรรมการลงมติให้ไล่นายชะแลงออก เพราะประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงดังนี้แสดงว่า การที่โจทก์มอบให้นายชะแลงไปดำเนินการเป็นการผิดวัตถุประสงค์ของโจทก์ นิติกรรมจำนองที่ดินของโจทก์จึงเกิดขึ้นเพราะโจทก์สำคัญผิดในสาระสำคัญแห่งนิติกรรม และเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 119 ส่วนปัญหาที่ว่าจำเลยต้องรับผิดต่อกลฉ้อฉลของนายชะแลงหรือไม่นั้น เห็นว่าเมื่อนิติกรรมจำนองดังกล่าวเป็นโมฆะกรรม อันเป็นการเสียเปล่าแล้วจึงไม่ต้องวินิจฉัยในปัญหานี้อีก ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องมานั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้จำเลยจดทะเบียนเพิกถอนนิติกรรมจำนองที่ดินหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 330 และ 388หมู่ที่ 2 ตำบลปากพนังฝั่งตะวันตก อำเภอปากพนังจังหวัดนครศรีธรรมราช

Share