คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 498/2479

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

อย่างไรไม่เรียกว่าเป็นสัญญาที่ขัดต่อกฎหมาย สัญญาที่มีข้อความตกลงให้สินจ้างรางวัลแก่ข้าราชการในการทีให้ขายที่ดินเพื่อทำเหมืองแร่ โดยปรากฎว่าข้าราชการผู้นั้นได้ทำในเวลาพักผ่อนราชการ แลราชการที่ทำก็ไม่เกี่ยวเนื่องกับหน้าที่ราชการในการทำเหมืองแร่ดังนี้ หาเรียกว่าเป็นสัญญาที่ขัดต่อกฎหมายหรือพระราชบัญญัติระเบียบราชการพลเรือนไม่

ย่อยาว

ได้ความว่าโจทก์รับราชการเป็นตำรวจจำเลยเป็นผู้จัดการมฤดกของพระยาดำรง ฯก่อนพระยาดำรง ฯ ถึงแก่กรรมได้ให้โจทก์ไปหาที่ดินเพื่อทำเหมืองแร่ โดยตกลงว่าถ้าหากได้แลขายกรรมสิทธิได้จะให้เงินไร่ละ ๑๐ บาท โจทก์จึงไปหาที่ดินมาได้โดยใช้เวลาหาในระหว่างที่หยุดพักผ่อนราชการ พระยาดำรง ฯ จึงได้ยินเรื่องราวขอประทานบัตร์ ระหว่างนี้พระยาดำรง ฯ ถึงแก่กรรม จำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการมฤดกจึงได้จัดการขอประทานบัตร์ในนามของกองมฤดก แลในที่สุดได้รับประทานบัตร์แลได้ขายที่ดินรายนี้ให้แก่บริษัทเหมืองแร่รวมที่ดิน ๖๔๖ ไร่เป็นเงิน ๘๓,๙๘๐ บาท จำเลยจึงสลักหลังสัญญาให้รางวัลแก่โจทก์ โจทก์เห็นว่าโจทก์ควรได้เงินรายนี้ไร่ละ ๑๐ บาทเป็นเงิน ๖,๔๖๐ บาท โจทก์จึงฟ้องเรียกเงินรายนี้
จำเลยต่อสู้ว่าสัญญารายนี้ใช้ไม่ได้โดยขัดศีลธรรมอันดี และความสงบเรียบร้อยของประชาชนแลขัดต่อพ.ร.บ.ระเบียนข้าราชการพลเรือนแลนโยบายทางราชการแลว่าพระยาดำรงฯ ยังไม่ได้รับประทานบัตร์เพราะถึงแก่กรรมเสียก่อน การที่จำเลยสลักหลังจึงหาก่อนให้กรรมเสียก่อน การที่จำเลยหลักหลังจึงหาก่อให้เกิดมีขึ้นเหนือกองมฤดกไม่ และอ้างอายุความาาขึ้นตัดฟ้อง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่โจทก์เป็นตำรวจแลในเวลาพักผ่อนราชการไม่ดูที่เพื่อได้รับรางวัลบ้างนั้นเป็นสัมมาชีพ ไม่ปรากฎว่าโจทก์ได้ใช้เวลาราชการเนื่องในการหาที่เลย สัญญาจึงใช้ได้ แลเห็นวาการสลักหลังสัญญารายนี้ เป็นการที่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีอะไรห้ามจำเลยไม่ให้ทำเพราะจำเลยทำในหน้าที่ผู้จัดการมฤดกและเพราะเหตุที่สลักหลังสัญญาเช่นนี้ คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ที่ให้จำเลยใช้เงิน ๖๔๖๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ ๗ ครึ่งต่อปีแ่โจทก์

Share