แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำสั่งศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องของพนักงานสอบสวนที่ร้องขอให้ส่งตัวผู้ต้องหาไปตรวจพิสูจน์การเสพหรือการติดยาเสพติด ตาม พ.ร.บ.ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ.2545 ไม่ใช่คำสั่งในคดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และไม่อยู่ในบังคับของ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ.2550 ดังนี้ เมื่อผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องของผู้ร้องทั้งสองครั้งจึงเป็นอำนาจของศาลอุทธรณ์ภาค 5 ที่จะพิจารณาคดี การที่ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดพิจารณาพิพากษาอุทธรณ์คำสั่งของผู้ร้องจึงเป็นการไม่ชอบ
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 6/60)
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2558 เวลาประมาณ 7 นาฬิกา เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดีในข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีน อันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 และมีเมทแอมเฟตามีนครึ่งเม็ดไว้ในครอบครอง แต่ในชั้นสอบสวนปรากฏว่าผู้ต้องหามีพฤติการณ์จำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 3 เม็ด ให้แก่ผู้อื่นด้วย ผู้ร้องจึงแจ้งข้อหาแก่ผู้ต้องหาว่า เสพเมทแอมเฟตามีน มีเมทแอมเฟตามีนครึ่งเม็ดไว้ในครอบครองและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 3 เม็ด หลังจากนั้นผู้ร้องยื่นคำร้องขอฝากขังผู้ต้องหาหลายครั้ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต ต่อมาผู้ร้องเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาและได้ส่งสำนวนการสอบสวนไปยังพนักงานอัยการจังหวัดน่านเพื่อพิจารณาสั่งฟ้องผู้ต้องหาแล้ว แต่พนักงานอัยการจังหวัดน่านส่งสำนวนการสอบสวนคืนมายังผู้ร้องเนื่องจากกรณีของผู้ต้องหาเข้าเงื่อนไขที่ผู้ร้องจะต้องยื่นคำร้อง ขอให้ศาลพิจารณามีคำสั่งให้ส่งตัวผู้ต้องหาไปตรวจพิสูจน์การเสพหรือการติดยาเสพติดตามพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ.2545 มาตรา 19 ขอให้มีคำสั่งส่งตัวผู้ต้องหาไปตรวจพิสูจน์การเสพหรือการติดยาเสพติดตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ผู้ร้องไม่ได้นำตัวผู้ต้องหามาพร้อมกับการยื่นคำร้อง ให้ยกคำร้อง
ต่อมาผู้ร้องยื่นคำร้องทำนองเดียวกับคำร้องดังกล่าวเป็นครั้งที่ 2
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ผู้ร้องยื่นคำร้องเกินระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนดและไม่ปรากฏเหตุสุดวิสัยหรือเหตุจำเป็นอย่างอื่นที่เกิดจากตัวผู้ต้องหา ให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นทั้งสองคำสั่ง
ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดพิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่วินิจฉัยว่า คดีนี้ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ส่งตัวผู้ต้องหาไปตรวจพิสูจน์การเสพหรือการติดยาเสพติด ตามพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ.2545 คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องของผู้ร้องทั้งสองครั้งจึงมิใช่คำสั่งในคดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และไม่อยู่ในบังคับของพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ.2550 ดังนี้ เมื่อผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องของผู้ร้องจึงเป็นอำนาจของศาลอุทธรณ์ภาค 5 ที่จะพิจารณาพิพากษาคดี การที่ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดพิจารณาพิพากษาอุทธรณ์คำสั่งของผู้ร้องจึงเป็นการไม่ชอบ ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 กรณีไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของผู้ร้อง
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติด ให้ศาลชั้นต้นส่งถ้อยคำสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิจารณาพิพากษาอุทธรณ์ของผู้ร้องฉบับลงวันที่ 13 สิงหาคม 2558 ต่อไป