คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 495/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การได้รับอนุญาตให้จัดหางานนั้น เมื่อได้รับอนุญาตแล้วก็สามารถดำเนินการในการจัดหางานได้ตามเวลาที่กำหนด มิใช่ว่าเมื่อได้รับอนุญาตแล้วจะจัดหางานให้บุคคลเพียงคนเดียวหรือครั้งเดียวเท่านั้น การพิจารณาว่าจะมีการกระทำผิดฐานจัดหางานโดยมิได้รับอนุญาตหลายกรรมต่างกันหรือไม่นั้น จึงต้องพิจารณาว่าการจัดหางานนั้น ได้กระทำต่อเนื่องเป็นคราวเดียวกันหรือไม่ มิใช่พิจารณาว่าเป็นการจัดหางานให้แต่ละคนเป็นสำคัญ จำเลยจัดหางานให้ผู้เสียหายหลายคนในเวลาที่ต่างกัน แต่ก็เป็นเวลาที่ต่อเนื่องติดต่อเป็นคราวเดียวกัน มีเจตนาที่จะดำเนินการในการจัดหางานคราวเดียวกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดกรรมเดียว แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพตามฟ้องที่ขอให้ลงโทษหลายกรรมก็เป็นเรื่องรับข้อเท็จจริงว่าได้เกิดมีหรือเป็นขึ้นตามฟ้องเท่านั้น หาใช่ว่าเมื่อจำเลยรับสารภาพแล้วจะต้องมีความผิดตามฟ้องเสมอไปไม่ การที่จำเลยจะมีความผิดตามฟ้องหรือไม่ และเป็นความผิดกรรมเดียวกันหรือไม่นั้นเป็นเรื่องของศาลที่จะปรับข้อเท็จจริงว่าจะเป็นความผิดกฎหมายใด อย่างไร ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185 มิใช่จะต้องลงโทษตามที่โจทก์ขอมาเสมอไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยฉ้อโกงผู้เสียหายและประกอบธุรกิจจัดหางานให้ผู้เสียหายหลายรายในระยะเวลาแตกต่างกัน โดยไม่ได้รับอนุญาตจัดหางานจากนายทะเบียน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๑, ๙๐, ๙๑ พระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางานพ.ศ. ๒๕๑๑ มาตรา ๗, ๒๗ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๒๖ มาตรา ๔ ให้จำเลยคืนเงินที่ฉ้อโกงไปแก่ผู้เสียหาย
ในระหว่างพิจารณาผู้เสียหายขอถอนคำร้องทุกข์ข้อหาฐานฉ้อโกงและศาลชั้นต้นอนุญาตแล้ว สำหรับข้อหาความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางานนั้น จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. ๒๕๑๑ มาตรา ๗, ๒๗ จำคุก ๑๕ วันและเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทน
โจทก์อุทธรณ์ ขอให้ลงโทษ ๖ กรรมตามฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามความในมาตรา ๑๙ ของพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งใช้บังคับในขณะเกิดเหตุคดีนี้นั้น เป็นที่เห็นได้ว่า การได้รับอนุญาตให้จัดหางานนั้นเมื่อได้รับอนุญาตแล้วก็สามารถดำเนินการในการจัดหางานได้ตามเวลาที่กำหนด มิใช่ว่าเมื่อได้รับอนุญาตแล้วจะจัดหางานให้บุคคลเพียงคนเดียวหรือครั้งเดียวเท่านั้น จากหลักเกณฑ์ของกฎหมายดังกล่าวในการพิจารณาว่าจะมีการกระทำผิดฐานจัดหางานโดยมิได้รับอนุญาตหลายกรรมต่างกันหรือไม่นั้น จึงต้องพิจารณาว่าการจัดหางานนั้นได้กระทำต่อเนื่องเป็นคราวเดียวกันหรือไม่มิใช่พิจารณาว่าเป็นการจัดหางานให้แต่ละคนเป็นสำคัญ ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำฟ้อง ถึงแม้จำเลยจะจัดหางานให้ผู้เสียหายหลายคนในเวลาที่ต่างกัน แต่ก็เป็นเวลาที่ต่อเนื่องติดต่อเป็นคราวเดียวกัน มิใช่จัดหาให้คนหนึ่งแล้วเลิกกิจการไปแล้วจัดหาให้คนใหม่อีก ดังจะเห็นได้จากคำฟ้องข้อ ๑ (ข) ว่า จำเลยประกอบธุรกิจจัดหางานให้นายประคอง แนบกลางเมื่อระหว่างวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๒๕ ถึงวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๒๗ การจัดหางานให้ผู้อื่นตามฟ้องข้อ ๑ (ง) (ฉ) (ซ) (ญ) และ (ฏ) จำเลยก็กระทำในระหว่างวันเวลาดังกล่าวเช่นเดียวกัน เป็นที่เห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาที่จะดำเนินการในการจัดหางานคราวเดียวกัน จึงเป็นความผิดกรรมเดียว ถึงแม้จำเลยจะให้การรับสารภาพตามฟ้องก็เป็นเรื่องรับข้อเท็จจริงว่า ได้เกิดมีหรือเป็นขึ้นตามฟ้องเท่านั้น หาใช่ว่าเมื่อจำเลยรับสารภาพตามฟ้องแล้วจะต้องมีความผิดตามฟ้องเสมอไปไม่ เพราะการที่จำเลยจะมีความผิดตามฟ้องหรือไม่ และเป็นความผิดกรรมเดียวกันหรือไม่นั้น เป็นเรื่องของศาลที่จะปรับข้อเท็จจริงว่าจะเป็นความผิดตามกฎหมายใด อย่างไร ตามที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๘๕ มิใช่จะต้องลงโทษตามที่โจทก์ขอมาเสมอไปดังฎีกาของโจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share