คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 494/2494

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าพนักงานให้อำนาจในตำแหน่งที่โดยทางอันมิชอบ บังคับให้เขาหาทรัพย์หรือผลประโยชน์อย่างใด ๆ อันมิควรได้ตามกฎหมาย มา ให้แก่ตัวมันนั้น ถ้าผู้ที่ถูกบังคับไม่ได้ตกลงหรือยอมจะให้เงินตามที่มันเรียกร้องแล้วก็มีความผิดเพียงฐานพยายามตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 136 เท่านั้น
เมื่อศาลลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 136 ฐานพยายามแล้ว ความผิดฐานทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพตามมาตรา 268 ซึ่งเป็นบทมีโทษเบา ก็ไม่จำต้องวินิจฉัยว่าจะเป็นความผิดสำเร็จหรือคั่นพยายามเพราะการกระทำกรรมเดียว เป็นความผิดหลายบทและศาลได้ใช้บทมีโทษหนักลงโทษไปแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยที่ ๑ เป็นตำรวจสันติบาลได้สมคบกับจำเลยที่ ๒-๓ ไปตรวจร้านฝิ่นยี่ห้อลาลัก ของนายไคทงหรือเองโดยอ้างว่า จำเลยเป็นตำรวจกองสอบสวนกลาง จำเลยนำฝิ่นในร้านนั้นมาอ้างว่าเป็นฝิ่นเถื่อน และบังคับขู่เข็ญนายเท่งฮินผู้จัดการให้ให้เงินแก่จำเลยหมื่นบาทหรือ ๕๐๐ บาทเป็นอย่างต่ำ มิฉะนั้นจะจับกุมตัวนายเท่งฮินไปดำเนินคดี ขอให้ลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๑๒๗,๑๓๖,๒๖๘
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ ๑ มีความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๑๓๗,๒๖๘ แต่ให้ลงโทษตามมาตรา ๑๓๖ ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุก ๓ ปี ยกฟ้องปล่อยนายจันจำเลย ส่วนนายสืบจำเลยที่ ๑ หลบหนีระหว่างพิจารณา ศาลจำหน่ายคดีไปก่อนแล้ว
พลตำรวจยอดจำเลยที่ ๑ อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ ฎีกา , ศาลชั้นต้นสั่งรับในข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามข้อเท็จจริงที่ศาลล่างฟังมาได้ความว่าเมื่อตามพลตำรวจยอดเข้าตรวจร้านฝิ่น ส่งหลอดฝิ่นที่แกะแล้ว ๑ หลอดให้นายเท่งฮินดูว่าเป็นฝิ่นเถื่อน นายเท่งฮินเถียงว่าเป็นฝิ่นรัฐบาลพล ฯ ยอดพูดยืนยันอีกว่าไม่ใช่ฝิ่นรัฐบาล ถ้าจะเอาตัวไปสถานีตำรวจจะลำบาก นายไคทงเจ้าของมาพบกับพล ฯยอด ๆ พูดกับนายเท่งฮินและนายไคทงมีข้อความว่า ถ้าจะไม่ให้เอาตัวไปต้องเอาเงินหมื่นบาท นายเท่งฮินตอบว่าจับก็จับไป นายไคทงพูดอ้อนวอนอีกพลตำรวจยอดว่าต้องเอา ๙๐๐๐ บาท นายไคทงไม่ตกลงพล ฯ ยอดพูดว่า อย่างน้อยก็เป็น ๕๐๐ บาท แต่นายเท่งฮินไม่ยอมตกลง แล้วถามว่าจะไปโรงพักไหน พลฯยอดว่าโรงพักกลางนายเท่งฮินพูดว่าเป็นหน้าที่โรงพักสามแยก และบอกนายเป้งเว้งไปตามตำรวจท้องที่มา พลฯยอดจำเลยเดินออกจากห้องขายฝิ่นแล้วหลบหนีไป
การกระทำของจำเลยดังกล่าว ศาลฎีกาเห็นว่ายังไม่เป็นความผิดสำเร็จตามก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๑๓๖ เพราะว่านายเท่งฮินหรือไคทงไม่ได้ตกลงให้เงินหรือยอมจะให้เงินตามจำเลยเรียกร้อง จำเลยจึงมีความผิดเพียงฐานพยายามตามมาตรา ๖๐ ความผิดตามมาตรา ๒๖ เป็นบทที่มีโทษเบาไม่จำต้องวินิจฉัยว่าจะเป็นความผิดสำเร็จหรือคั่นพยายาม เพราะการกระทำของจำเลยกรรมเดียวเป็นความผิดหลายบท และศาลใช้บทมีโทษหนักลงโทษจำเลยแล้ว

Share