แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้อง,รวมคดี
ย่อยาว
โจทย์ฟ้องขอให้ศาลลงโทษ ส. ห. จำเลยฐานเปนพยานเบิกความเท็จ
ศาลโปริสภาสั่งให้โจทย์ไปฟ้อง ส.ยังศาลทหาร คงรับไต่สวนพิจารณาแต่คดีที่เกี่ยวในส่วนตัว ห.
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเรื่องนี้มีพลเรือนเกี่ยวข้องเปนจำเลยรวมอยู่ด้วย มาตรา ๔๐ แห่งพระธรรมนูญบัญญัติให้ฟ้องคดียังศาลพลเรือน แลได้กล่าวต่อไปว่าข้อใหญ่ใจความนั้นคือว่า “จำเลยได้เบิกความเท็จในคดีเดียวกันฤาไม่”
ฎีกาเห็นว่าฟ้องโจทย์กล่าวว่าวันที่ ๑ สิงหาคม จ.เบิกความเท็จ แลกล่าวว่าวันที่ ๒ สิงหาคม ส.เบิกความเท็จ โจทย์ไม่ได้กล่าวในฟ้องเลยว่าจำเลยกระทำผิดอาญาด้วยกันฐานเปนตัวการฤาผู้สมรู้ กรรมการเห็นว่าโจทย์ฟ้องว่าจำเลยได้กระทำความผิดเป็นส่วนตัวคนละคน เหตุที่โจทย์เอาชื่อจำเลยรวมกันในฟ้องฉบับเดียวนั้น ไม่ทำให้เห็นว่าจำเลยได้สมรู้ร่วมกันฤากระทำผิดด้วยกันตามกฎหมายนั้นได้ ที่ศาลอุทธรณ์แสดงความเห็นว่าข้อใหญ่ใจความอยู่ที่ว่าจำเลยได้เบิกความเท็จในคดีเรื่องเดียวกันฤาไม่ดังนี้ ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยเพราะพระธรรมนูญศาลทหารบก พ.ศ.๒๔๖๕ มาตรา ๔๐-๖ ไม่ได้บัญญัติข้อความไว้เช่นนั้น
โดยเหตุนี้จึงให้บังคับคดียืนตามศาลโปริสภา