แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ภายหลังการชี้สองสถาน โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขเลขที่ของเช็คในคำฟ้อง การขอแก้ไขดังกล่าวเป็นเรื่องแก้ไขรายละเอียด หาใช่เป็นเรื่องแก้ไขคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 179 ไม่ จึงไม่อยู่ในบังคับที่จะต้องขอแก้ในระยะเวลาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกค้าบัญชีกระแสรายวันของธนาคารจำเลย โจทก์ได้นำเช็คธนาคารสตีเฟนวิลล์และทรัสต์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เลขที่ ๑๑๓๐ ไปเข้าบัญชีของโจทก์เพื่อให้จำเลยเรียกเก็บเงินตามวิธีการของธนาคาร จำเลยเรียกเก็บเงินตามเช็คดังกล่าวได้แล้ว โจทก์จึงเป็นเจ้าหนี้จำเลยตามบัญชีที่จำเลยแจ้งให้โจทก์ทราบ แต่จำเลยกับพวกกลับฟ้องโจทก์ให้ใช้หนี้จำเลย การที่จำเลยรับฝากเช็คดังกล่าวของโจทก์แล้วมิได้นำเงินเข้าบัญชีของโจทก์เพื่อหักกลบลบหนี้ตามหน้าที่ของจำเลยกลับหาว่าโจทก์เป็นลูกหนี้จำเลย ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้บังคับจำเลยร่วมกันชำระเงินที่จำเลยเรียกเก็บแทนโจทก์ พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสามให้การทำนองเดียวกันว่า ไม่เคยรับฝากเช็คเพื่อเรียกเก็บเงินแทนโจทก์ดังฟ้อง แต่เคยรับเช็คฉบับอื่นจากโจทก์เพื่อเรียกเก็บเงินแทนโจทก์ แต่เรียกเก็บเงินไม่ได้เพราะธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยแจ้งให้โจทก์ทราบและคืนเช็คให้โจทก์แล้ว ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ
ระหว่างพิจารณาโจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขเลขที่ของเช็คในคำฟ้อง ศาลชั้นต้นยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาและคำสั่งของศาลชั้นต้น โดยอนุญาตให้โจทก์แก้ไขคำฟ้องได้ แล้วให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่โจทก์ขอแก้ไขเลขที่ของเช็คในคำฟ้อง จากเลขที่ ๑๑๓๐ เป็น ๑๑๓๖ นั้น หาใช่เป็นเรื่องแก้ไขคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๙ ไม่ แต่เป็นเรื่องแก้ไขรายละเอียด จึงไม่อยู่ในบังคับที่ต้องขอแก้ในระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๑๘๐ ส่วนที่ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้โจทก์แก้ไขเลขที่ของเช็ค และพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ คดีไม่จำเป็นต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า เมื่อจำเลยเรียกเก็บเงินตามเช็คไม่ได้แล้ว ได้คืนเช็คให้แก่โจทก์หรือไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่าจำเลยยังมิได้คืนเช็คให้โจทก์ แต่โจทก์ไม่เสียหายเพราะเหตุดังกล่าว
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง