คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4921/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 103 มีเจตนารมณ์เพื่อให้ความคุ้มครองแรงงานแก่ลูกจ้าง โดยบัญญัติไว้ในข้อ 47 ว่านายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างประจำซึ่งเลิกจ้างในกรณีหนึ่งกรณีใดดังต่อไปนี้ (3) ฝ่าฝืนข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงานหรือคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของนายจ้างและนายจ้างได้ตักเตือนเป็นหนังสือแล้ว การที่จำเลยออกระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานว่า ลูกจ้างผู้ใดถูกใบเตือนของจำเลย3 ครั้ง จึงจะถูกให้ออกจากงานโดยไม่ได้รับเงินชดเชยใด ๆ นั้นกลับเป็นคุณแก่ลูกจ้าง โดยให้ความคุ้มครองลูกจ้างยิ่งขึ้นกว่าที่ประกาศกระทรวงมหาดไทยดังกล่าวได้ให้ความคุ้มครองไว้ ระเบียบข้อบังคับดังกล่าวจึงหาขัดต่อประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน ข้อ 47 ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2529 จำเลยจ้างโจทก์เข้าทำงานเป็นลูกจ้างประจำ ครั้งสุดท้ายทำงานในตำแหน่งแผงประตูรถเบนซ์ ค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ 3,000 บาทและค่าครองชีพเดือนละ 550 บาท รวม 3,550 บาท กำหนดจ่ายค่าจ้างทุกวันที่ 1 และ 16 ของเดือน ต่อมาวันที่ 22 กรกฎาคม 2532จำเลยเลิกจ้างโจทก์ โดยโจทก์ไม่มีความผิด โจทก์ทำงานกับจำเลยมาเกินกว่า 3 ปีแล้ว จึงมีสิทธิได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 180 วัน เป็นเงิน 21,300 บาท โจทก์ทวงถามแล้วจำเลยไม่ชำระ ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชย 21,300 บาทแก่โจทก์จำเลยให้การว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์เนื่องจากโจทก์ขาดงานเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2532 ทั้งที่จำเลยเคยตักเตือนโจทก์เป็นหนังสือแล้วเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2532 ในเรื่องขาดงานเช่นเดียวกันโจทก์กระทำความผิดซ้ำคำเตือน โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับค่าชดเชยตามฟ้อง ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์เป็นลูกจ้างจำเลยเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2532 ซึ่งเป็นระยะเวลาที่โจทก์เป็นลูกจ้างจำเลย จำเลยได้ออกหนังสือเตือนโจทก์เรื่องโจทก์ขาดงาน ตามเอกสารหมาย ล.1 ต่อมาวันที่ 15 กรกฎาคม 2532 โจทก์ขาดงานอีก จำเลยจึงเลิกจ้างโจทก์ แล้วศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า จำเลยจะต้องออกใบเตือนโจทก์ให้ครบ 3 ครั้งตามเงื่อนไขก่อน แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่า เอกสารหมาย ล.1 เป็นใบเตือนครั้งที่ 1 เท่านั้นเมื่อจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยที่ยังปฏิบัติไม่ครบตามเงื่อนไขในข้อบังคับการทำงานของจำเลย จำเลยจึงต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่โจทก์ พิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชย 10,650 บาทแก่โจทก์จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยอุทธรณ์ประการสุดท้ายว่า ข้อบังคับของจำเลยในส่วนนี้ขัดต่อประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 47 อันเป็นกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ข้อบังคับของจำเลยในส่วนนี้จึงไม่มีผลบังคับใช้นั้น เห็นว่า ระเบียบข้อบังคับการทำงานของจำเลยในส่วนนี้คือข้อ 17 ระบุว่า “ใบเตือนของบริษัทฯ บริษัทจะลงโทษด้วยใบเตือนครั้งละ 1 ใบ (ลูกจ้างผู้ใดถูกใบเตือนของบริษัทฯ 3 ครั้ง จะถูกให้ออกจากงานโดยไม่ได้รับเงินชดเชยใด ๆทั้งสิ้น ยกเว้นค่าจ้างที่ตกค้างอยู่) ฯลฯ” ส่วนประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 47 ระบุว่า “นายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างประจำซึ่งเลิกจ้างในกรณีหนึ่งกรณีใดดังต่อไปนี้ ฯลฯ (3) ฝ่าฝืนข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงานหรือคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของนายจ้าง และนายจ้างได้ตักเตือนเป็นหนังสือแล้ว ฯลฯ” ประกาศกระทรวงมหาดไทยดังกล่าวนี้ออกโดยอาศัยอำนาจตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 103 ซึ่งมีเจตนารมย์เพื่อการให้ความคุ้มครองแรงงานแก่ลูกจ้าง การที่จำเลยออกระเบียบข้อบังคับการทำงานของจำเลยว่า ลูกจ้างผู้ใดถูกใบเตือนของจำเลย 3 ครั้ง จึงจะถูกให้ออกจากงานโดยไม่ได้รับเงินชดเชยใด ๆนั้น กลับเป็นคุณแก่ลูกจ้างโดยให้ความคุ้มครองลูกจ้างมากยิ่งขึ้นกว่าที่ประกาศกระทรวงมหาดไทยดังกล่าวได้ให้ความคุ้มครองไว้ดังนั้น ระเบียบข้อบังคับการทำงานของจำเลยในส่วนนี้จึงหาขัดกับประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 47 ไม่มีผลบังคับใช้ดังที่จำเลยอุทธรณ์ไม่ ศาลแรงงานกลางพิพากษาชอบแล้ว”
พิพากษายืน

Share