คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 492/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าของที่ดินมีสิทธิครอบครองในที่สวนยางรายพิพาทมิได้รู้เห็นในการที่บุตรบุญธรรมของตนไปทำสัญญาขายฝากที่พิพาทแก่นาง ก. นาง ก. ย่อมไม่ได้สิทธิในที่รายนี้ ดังนี้ โจทก์ผู้รับโอนที่ดินไปจากนาง ก. ก็ย่อมไม่มีสิทธิดีกว่านาง ก. ผู้โอน ทั้งการโอนก็เป็นไปโดยไม่สุจริต รูปคดีไม่เข้าลักษณะมาตรา 1299,1300 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

ย่อยาว

ความว่า ที่สวนยางรายพิพาท นางแย่นจำเลยกับนายเซียวถ้ำสามีได้ช่วยกันโก่นสร้างทำเป็นสวนยางขึ้น ต่อมานายเซียวถ้ำตาย นางแย่นจำเลยได้รับมรดกครอบครองต่อเรื่อยมา นายแส้นจำเลยเป็นเพียงบุตรบุญธรรมของนางแย่น นายแส้นได้ไปทำสัญญาขายฝากไว้กับนางเกี้ยวนางเกี้ยวมาโอนขายให้แก่โจทก์เดือนเศษ โจทก์จึงได้มาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ขึ้นว่า จำเลยเป็นผู้เช่าสวนยางรายนี้จากนางเกี้ยวโจทก์ไม่มีความประสงค์ให้จำเลยอยู่ต่อไป จึงขอให้ขับไล่ นางแย่นจำเลยให้การว่าสวนยางเป็นของจำเลยครอบครองมาแต่ผู้เดียว ไม่เคยเช่าจากนางเกี้ยว นายแส้นจำเลยขาดนัด ทั้งยื่นคำให้การ และชั้นพิจารณา ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงตามที่จำเลยนำสืบ นางเกี้ยวไม่มีสิทธิในที่ดินรายนี้ โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน พิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์ฟังว่า โจทก์ได้รับซื้อไว้โดยสุจริตและมีค่าตอบแทน โจทก์จึงได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299, 1300 พิพากษากลับ ให้ขับไล่

นางแย่นจำเลยฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า นางแย่นจำเลยผู้เป็นเจ้าของมีสิทธิครอบครอง มิได้รู้เห็นยินยอมในการที่นายแส้นไปทำสัญญาขายฝากแก่นางเกี้ยว แล้วนางเกี้ยวก็ไม่ได้สิทธิในที่รายนี้ โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับโอนจึงไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน ทั้งการโอนเป็นไปโดยไม่สุจริตคดีไม่เข้าลักษณะตามมาตรา 1299, 1300

พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามศาลชั้นต้น

Share