แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำรับของจำเลยต่อ อ. และคำรับสารภาพของจำเลยในชั้นจับกุมจะพึงรับฟังได้แต่เพียงเป็นพยานประกอบคำเบิกความของพยานโจทก์ เมื่อคำเบิกความของ ง. พยานโจทก์ฟังไม่ได้ว่าเห็นจำเลยอุ้มไก่ของผู้เสียหายไป ลำพังแต่คำรับของจำเลยต่อ อ.และคำรับสารภาพของจำเลยในชั้นจับกุมยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะลงโทษจำเลยได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,335, 357 และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ผู้เสียหายยังไม่ได้คืนแก่ผู้เสียหายด้วย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 334 จำคุก 8 เดือน ลดโทษให้หนึ่งในสี่คงจำคุก 6 เดือนให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า คำเบิกความของนายเงินขัดแย้งกับฟังไม่ได้ว่าเห็นจำเลยอุ้มไก่ไป และวินิจฉัยว่าที่นายอดุลย์กำนันของท้องที่ที่เกิดเหตุเบิกความว่า ผู้เสียหายแจ้งความแก่ตนว่าจำเลยเป็นคนร้ายลักเอาไก่ของผู้เสียหายไป พยานจึงเรียกจำเลยมาพบ จำเลยรับกับพยานว่า ได้ลักเอาไก่ของผู้เสียหายไปจริงและร้อยตำรวจตรีพิศ วรรณขันธ์ ผู้จับกุมจำเลยเบิกความว่า ในชั้นจับกุมพยานแจ้งข้อหาจำเลยว่าลักทรัพย์หรือรับของโจร จำเลยให้การรับสารภาพว่าได้เอาไก่ของผู้เสียหายไปจริง และได้ทำบันทึกจับกุมให้จำเลยลงลายมือชื่อไว้นั้นเห็นว่า คำรับของจำเลยต่อนายอดุลย์ก็ดีและคำรับสารภาพของจำเลยในชั้นจับกุมก็ดี จะพึงรับฟังได้แต่เพียงเป็นพยานประกอบคำเบิกความของพยานโจกท์ เมื่อคำเบิกความของนายเงินพยานโจทก์ฟังไม่ได้ว่าเห็นจำเลยอุ้มไก่ของผู้เสียหายไป ลำพังแต่คำรับของจำเลยต่อนายอดุลย์และคำรับสารภาพของจำเลยในชั้นจับกุมจึงยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะลงโทษจำเลยได้
พิพากษายืน.