คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4912/2554

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่โจทก์กับจำเลยทั้งสองตกลงทำสัญญาเช่าซื้อและสัญญาค้ำประกันโดยมิได้ฝ่าฝืนอำนาจของเจ้าของทรัพย์ที่เช่าซื้อ แม้โจทก์ที่เป็นฝ่ายผู้ให้เช่าซื้อจะไม่ใช่เจ้าของทรัพย์ที่เช่าซื้ออันเป็นการแตกต่างกับบทบัญญัติ มาตรา 572 ของป.พ.พ. บรรพ 3 ลักษณะ 5 เช่าซื้อ ที่กำหนดให้เจ้าของทรัพย์สินเท่านั้นจึงจะเป็นผู้ให้เช่าซื้อได้ แต่กรณีนี้มีลักษณะพิเศษโดยเจ้าของทรัพย์สินให้ความยินยอมทำให้ไม่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนและมาตรา 572 ก็มิใช่กฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน แม้สัญญาเช่าซื้อจะแตกต่างจากบทบัญญัติของกฎหมาย มาตรา 572 แต่ก็เป็นสัญญาเช่าซื้อที่ผู้ให้เช่าซื้อที่มิใช่เจ้าของทรัพย์สินได้รับความยินยอมของเจ้าของทรัพย์สินให้นำทรัพย์สินออกให้เช่าซื้อได้จึงไม่เป็นโมฆะมีผลผูกพันคู่กรณี กรณีนี้เป็นการวินิจฉัยข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนซึ่งในคดีที่อาจยกข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนขึ้นอ้างได้นั้น เมื่อศาลเห็นสมควรศาลจะยกข้อเหล่านั้นขึ้นวินิจฉัยแล้วพิพากษาไปก็ได้ ตามป.วิ.พ. มาตรา 142 (5) ประกอบ มาตรา 246 มาตรา 247

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันส่งมอบรถที่เช่าซื้อคืนโจทก์ในสภาพเรียบร้อยและใช้การได้ดี หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคารถและค่าเสียหายเป็นเงิน 360,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์ และชดใช้ค่าเสียหายในอัตราเดือนละ 3,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะส่งมอบรถที่เช่าซื้อคืนโจทก์
จำเลยที่ 1 ให้การว่าโจทก์มิใช่เจ้าของหรือตัวแทนผู้จำหน่ายรถไถฟอร์ด รุ่น 7600 สีฟ้า หมายเลขเครื่อง 738461 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง และโจทก์ไม่มีอำนาจที่จะมอบอำนาจให้นายพิทักษ์ ฟ้องคดีแทน
จำเลยที่ 2 ให้การว่า หนังสือมอบอำนาจของโจทก์ไม่ถูกต้องไม่สมบูรณ์ โจทก์ไม่ใช่เจ้าของหรือตัวแทนจำหน่ายรถไถฟอร์ด รุ่น 7600 สีฟ้า หมายเลขเครื่อง 738461 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง การมอบอำนาจให้ฟ้องคดีจึงไม่สมบูรณ์ด้วย หนังสือสัญญาค้ำประกันไม่สมบูรณ์ไม่ถูกต้อง ลายมือชื่อในช่องผู้ค้ำประกันไม่ใช่ลายมือชื่อจำเลยที่ 2 หนังสือสัญญาเช่าซื้อก็ไม่ถูกต้องไม่สมบูรณ์ ฟ้องโจทก์คลุมเครือ เรียกค่าเสียหาย ค่าขาดประโยชน์ และเรียกราคาที่เช่าซื้ออีกซ้ำซ้อนเกินความเป็นจริง ไม่นำเงินดาวน์งวดแรกมาหักให้ คิดอัตราดอกเบี้ยสูงเกินกว่ากฎหมาย
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า …ข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 6 ฟังตามที่จำเลยทั้งสองนำสืบว่า รถไถพิพาทเป็นของห้างหุ้นส่วนจำกัด ต.เกษตรยนต์ โจทก์เป็นลูกจ้างของห้างหุ้นส่วนจำกัด ต.เกษตรยนต์ และหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างฯเป็นผู้ดำเนินการให้โจทก์และจำเลยทั้งสองมาทำสัญญาเช่าซื้อและสัญญาค้ำประกัน ศาลฎีกาจึงเห็นว่า แม้โจทก์มิใช่เจ้าของรถไถพิพาท แต่โจทก์กับจำเลยทั้งสองเข้าทำสัญญาเช่าซื้อและค้ำประกันโดยความยินยอมของห้างหุ้นส่วนจำกัด ต.เกษตรยนต์ เจ้าของรถไถพิพาทจึงไม่ฝ่าฝืนอำนาจของเจ้าของทรัพย์ที่เช่าซื้อ กรณีเช่นนี้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 151 ได้บัญญัติไว้ว่า การใดเป็นการแตกต่างกับบทบัญญัติของกฎหมาย ถ้ามิใช่กฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน การนั้นไม่เป็นโมฆะ การที่โจทก์กับจำเลยทั้งสองมาตกลงทำสัญญาเช่าซื้อและสัญญาค้ำประกันโดยมิได้ฝ่าฝืนอำนาจของเจ้าของทรัพย์ที่เช่าซื้อ แม้โจทก์ที่เป็นฝ่ายผู้ให้เช่าซื้อจะไม่ใช่เจ้าของทรัพย์ที่เช่าซื้ออันเป็นการแตกต่างกับบทบัญญัติมาตรา 572 ของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 3 ลักษณะ 5 เช่าซื้อ ที่กำหนดให้เจ้าของทรัพย์สินเท่านั้นจึงจะเป็นผู้ให้เช่าซื้อได้ แต่กรณีนี้มีลักษณะพิเศษโดยเจ้าของทรัพย์สินให้ความยินยอม ทำให้ไม่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน และมาตรา 572 ก็มิใช่กฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน แม้สัญญาเช่าซื้อจะแตกต่างจากบทบัญญัติของกฎหมายตามมาตรา 572 แต่ก็เป็นสัญญาเช่าซื้อที่ผู้ให้เช่าซื้อที่มิใช่เจ้าของทรัพย์สินได้รับความยินยอมของเจ้าของทรัพย์สินให้นำทรัพย์สินออกให้เช่าซื้อได้จึงไม่เป็นโมฆะมีผลผูกพันคู่กรณี ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 6 วินิจฉัยว่า เมื่อโจทก์มิใช่เจ้าของทรัพย์ที่เช่าซื้อจึงไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้องโจทก์นั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา และกรณีนี้เป็นการวินิจฉัยข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ซึ่งในคดีที่อาจยกข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนขึ้นอ้างได้นั้น เมื่อศาลเห็นสมควรศาลจะยกข้อเหล่านั้นขึ้นวินิจฉัยแล้วพิพากษาคดีไปก็ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 (5) ประกอบมาตรา 246 มาตรา 247 เมื่อจำเลยทั้งสองต้องผูกพันตามสัญญาเช่าซื้อและสัญญาค้ำประกัน จำเลยที่ 1 จึงต้องคืนรถไถพิพาทแก่โจทก์ หากคืนไม่ได้ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระราคารถไถพิพาทพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์จำนวน 300,000 บาท เท่ากับราคาค่าเช่าซื้อที่ยังขาดอยู่ ส่วนค่าขาดประโยชน์นั้น เห็นว่า ศาลกำหนดราคารถใช้แทนแก่โจทก์เป็นจำนวนพอสมควรแล้ว จึงไม่กำหนดค่าขาดประโยชน์ให้อีก
พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันส่งมอบรถไถพิพาทคืนโจทก์ในสภาพเรียบร้อยใช้การได้ดี หากคืนไม่ได้ให้ชำระราคาแก่โจทก์จำนวน 300,000 บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ

Share