คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 489/2535

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ลำเหมืองพิพาทอยู่ในที่ดินของจำเลยทั้งสอง เป็นลำเหมืองสาธารณะที่มีมาแต่เดิม โจทก์ได้อาศัยน้ำจากลำเหมืองดังกล่าวซึ่งไหลผ่านนาของจำเลยทั้งสองใช้ทำนามาเป็นเวลา 40 ปีแล้วจำเลยทั้งสองถมลำเหมืองพิพาท ทำให้โจทก์ไม่อาจใช้น้ำจากลำเหมืองทำนาได้ตามปกติ จนเป็นเหตุให้โจทก์ทำนาไม่ได้เพราะขาดน้ำ จึงเป็นการละเมิด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินซึ่งเป็นที่ใช้ทำนาปีและนาปรัง การทำนาของโจทก์ต้องอาศัยน้ำจากลำเหมืองสาธารณประโยชน์มาไม่ต่ำกว่า 40 ปี จึงเป็นภารจำยอมตามกฎหมายเพื่อประโยชน์ของเจ้าของนาใกล้เคียง จำเลยทั้งสองเป็นเจ้าของที่ดินซึ่งลำเหมืองสาธารณะที่โจทก์ใช้ประโยชน์ไหลผ่าน จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันถมลำเหมืองสาธารณะดังกล่าว ทำให้ลำเหมืองหมดสภาพโดยจงใจเพื่อมิให้โจทก์อาศัยน้ำจากลำเหมืองนั้นทำนาได้เหมือนเดิมอันเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองเปิดเหมืองระบายน้ำพิพาทตามเดิมอันเป็นภารจำยอมตามกฎหมาย ถ้าจำเลยไม่เปิดโจทก์จะเป็นผู้จ้างคนงานเปิดเอง โดยให้จำเลยทั้งสองเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย ให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า ลำเหมืองพิพาทจำเลยทั้งสองเป็นผู้ขุดกันเองเพื่อนำน้ำจากลำเหมืองสาธารณประโยชน์แม่เจดีย์มาหล่อเลี้ยงข้าวในนาของจำเลย การที่จำเลยถมลำเหมืองดังกล่าวจึงไม่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 2พิพากษากลับให้จำเลยทั้งสองเปิดเหมืองระบายน้ำพิพาทให้เป็นไปตามสภาพเดิมและให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า การที่จำเลยทั้งสองถมลำเหมืองพิพาทไม่เป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ และโจทก์ไม่ได้รับความเสียหายนั้น เห็นว่า แม้ลำเหมืองพิพาทจะอยู่ในที่ดินของจำเลยทั้งสอง แต่ลำเหมืองดังกล่าวเป็นลำเหมืองสาธารณะที่มีมาแต่เดิมทั้งข้อเท็จจริงก็รับฟังได้เป็นที่ยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 โดยจำเลยไม่ได้ฎีกาโต้แย้งว่า โจทก์ได้อาศัยน้ำจากลำเหมืองดังกล่าวซึ่งไหลผ่านนาจำเลยทั้งสองใช้ทำนาเป็นเวลา 40 ปีแล้ว โจทก์จึงไม่มีความจำเป็นต้องชักน้ำจากลำเหมืองอื่นมาใช้ในการทำนาซึ่งจะทำให้เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นการที่จำเลยทั้งสองถมลำเหมืองพิพาท ทำให้โจทก์ไม่อาจใช้น้ำจากลำเหมืองพิพาททำนาได้ตามปกติที่เคยใช้มา จนเป็นเหตุให้โจทก์ทำนาไม่ได้เพราะขาดน้ำในปี 2529 การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ และทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”
พิพากษายืน

Share