คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 489/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หนี้ตามฟ้องเป็นหนี้สองประเภท คือมูลหนี้ค่าซื้อขายรถยนต์ ซึ่งผู้อื่นเป็นหนี้กับหนี้ที่จำเลยเคยยืมเงินโจทก์ค้างชำระอยู่เดิม นำมารวมทำไว้เป็นสัญญากู้ฉบับเดียวกันให้จำเลยเป็นลูกหนี้ทั้งหมด แม้ทุนทรัพย์ไม่เกิน 50,000 บาท แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นว่าหนี้ที่รวมทำไว้เป็นสัญญากู้สมบูรณ์เฉพาะหนี้ส่วนที่จำเลยเป็นหนี้โจทก์ หนี้อีกประเภทหนึ่งโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย จึงเป็นการแก้มาก โจทก์ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกู้เงินโจทก์ ต่อมาได้มีการคิดบัญชีและทำสัญญากู้กันใหม่ โดยจำเลยให้นำเอาหนี้ซึ่งบุตรจำเลยค้างชำระค่าซื้อรถยนต์จากบุคคลภายนอกที่สามีโจทก์ชำระแทนไปในฐานะผู้ค้ำประกัน จำนวน 12,000 บาทรวมกับหนี้เงินกู้ของจำเลยแปลงหนี้ให้จำเลยเป็นผู้กู้เงินโจทก์จำนวน25,680 บาท โจทก์ทวงถามแล้วจำเลยไม่ชำระ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินกู้แก่โจทก์

จำเลยให้การว่า เป็นหนี้เงินกู้โจทก์เพียง 6,000 บาท จำเลยไม่เคยทราบว่าบุตรจำเลยค้างชำระหนี้บุคคลภายนอกที่สามีโจทก์ค้ำประกัน และจำเลยกับบุตรจำเลยไม่เคยตกลงหรือยินยอมให้นำหนี้ 12,000 บาท รวมเข้ากับหนี้เงินกู้ของจำเลย โจทก์ปลอมสัญญา ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า สัญญากู้ตามฟ้องเฉพาะหนี้ส่วนที่เป็นของจำเลยสมบูรณ์ใช้บังคับได้ แต่หนี้ค่ารถยนต์ของบุตรจำเลยซึ่งนำมารวมกับหนี้ของจำเลยนั้น สามีโจทก์มิได้ชำระ ไม่จริงดังฟ้อง โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยคงรับผิดเฉพาะ13,680 บาท พิพากษาแก้ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกา

จำเลยแก้ฎีกาว่า โจทก์ฎีกาเฉพาะหนี้จำนวน 12,000 บาท จึงเป็นทุนทรัพย์ที่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า หนี้ตามฟ้องเป็นหนี้สองประเภท คือมูลหนี้ค่าซื้อขายรถยนต์ซึ่งผู้อื่นเป็นหนี้ กัหนี้ที่จำเลยเคยยืมเงินโจทก์ค้างชำระอยู่เดิมนำมารวมทำไว้เป็นสัญญากู้ฉบับเดียวกันให้จำเลยเป็นลูกหนี้ทั้งหมด แม้ทุนทรัพย์ไม่เกิน50,000 บาท แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นว่าหนี้ที่รวมทำไว้เป็นสัญญากู้สมบูรณ์เฉพาะหนี้ส่วนที่จำเลยเป็นหนี้โจทก์ หนี้อีกประเภทหนึ่งโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเรียกเอาจากจำเลย ซึ่งจำเลยไม่ต้องรับผิดหนี้ส่วนของผู้อื่นตามสัญญากู้เป็นจำนวนเงิน 12,000 บาท จึงเป็นการแก้มากโจทก์ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

คดีมาสู่ศาลฎีกาเฉพาะหนี้ตามสัญญากู้จำนวน 12,000 บาท ที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าเป็นการแปลงหนี้มาจากที่นายบุญสันต์บุตรจำเลยซื้อรถยนต์ค้างชำระราคาแก่นายสมพงษ์ แต่นายบุญเหลือสามีโจทก์ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันชำระหนี้จำนวนนี้แทนนายบุญสันต์ ตามข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบนายสมพงษ์ได้ความว่า นายบุญเหลือมิได้ชำระหนี้รายนี้ให้นายสมพงษ์ ดังที่กล่าวอ้างในฟ้องแต่ประการใดเลย ดังนั้น นายบุญเหลือไม่ใช่เจ้าหนี้ของนายบุญสันต์หนี้เดิมระหว่างนายบุญเหลือกับนายบุญสันต์ไม่มี จึงไม่ใช่การแปลงหนี้ของนายบุญเหลือเจ้าหนี้ดังที่โจทก์ตั้งประเด็นมาในฟ้องและไม่เป็นการโอนหนี้ด้วยจำเลยไม่ต้องรับผิดชำระให้โจทก์ ที่โจทก์อ้างในฎีกาว่าต้องถือว่านายสมพงษ์เจ้าหนี้เดิมกับนายบุญสันต์ลูกหนี้เดิมให้สัตยาบันในการที่จำเลยยินยอมให้เอาหนี้ค่าซื้อรถยนต์ของนายบุญสันต์มารวมกับหนี้เงินกู้ของจำเลยเป็นเรื่องนอกฟ้องที่โจทก์บรรยายว่าหนี้ของนายเหลือเจ้าหนี้ได้แปลงหนี้มารวมกับหนี้เงินกู้ของจำเลย

พิพากษายืน

Share