แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
“เลื่อยโซ่ยนต์” ตามคำนิยามในมาตรา 3 แห่ง พ.ร.บ.เลื่อยโซ่ยนต์ฯ หมายความว่า เครื่องมือสำหรับใช้ตัดไม้หรือแปรรูปไม้ที่มีฟันเลื่อนติดกับโซ่ซึ่งขับเคลื่อนด้วยกำลังเครื่องจักรกล และให้หมายความรวมถึงส่วนหนึ่งส่วนใดที่เป็นส่วนประกอบของเครื่องมือดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ ตามที่รัฐมนตรีกำหนดในกฎกระทรวง แต่เลื่อยวงเดือน ตามความหมายในพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถานหมายความว่า เลื่อยชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเป็นแผ่นกลม มีฟันอยู่โดยรอบจึงเป็นเลื่อยคนละชนิดกัน เมื่อคำฟ้องโจทก์ระบุชัดแจ้งว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันมีเลื่อยวงเดือนพร้อมใบเลื่อย มิใช่มีเลื่อยโซ่ยนต์ การกระทำของจำเลยทั้งสองตามฟ้อง จึงไม่เป็นความผิดฐานร่วมกันมีเลื่อยโซ่ยนต์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตตาม มาตรา 4 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.เลื่อยโซ่ยนต์ฯ แม้จำเลยทั้งสองจะให้การรับสารภาพก็ตาม เมื่อการกระทำของจำเลยทั้งสองไม่เป็นความผิดศาลฎีกาต้องพิพากษายกฟ้องตาม ป.วิ.อ. มาตรา 185 วรรคหนึ่ง, 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 215 และมาตรา 225 ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองในความผิดฐานร่วมกันมีเลื่อยโซ่ยนต์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 4, 7, 11, 48, 73, 74, 74 ทวิ พระราชบัญญัติเลื่อยโซ่ยนต์ พ.ศ.2545 มาตรา 4, 17 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83, 91 ริบของกลาง
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 48 วรรคหนึ่ง, 73 วรรคหนึ่ง พระราชบัญญัติเลื่อยโซ่ยนต์ พ.ศ.2545 มาตรา 4, 17 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันตั้งโรงงานแปรรูปไม้ จำคุกคนละ 6 เดือน ฐานร่วมกันแปรรูปไม้ จำคุกคนละ 6 เดือน ฐานร่วมกันมีเลื่อยโซ่ยนต์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุกคนละ 1 ปี รวมจำคุกคนละ 1 ปี 12 เดือน จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกคนละ 1 ปี ริบของกลาง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาแก้เป็นว่า ฐานร่วมกันตั้งโรงงานแปรรูปไม้จำคุกคนละ 3 เดือน ฐานร่วมกันแปรรูปไม้ จำคุกคนละ 3 เดือน และฐานร่วมกันมีเลื่อยโซ่ยนต์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุกคนละ 6 เดือน รวม 3 กระทง จำคุกคนละ 12 เดือน จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกคนละ 6 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสองฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาแผนกคดีสิ่งแวดล้อมวินิจฉัยว่า “เห็นควรวินิจฉัยก่อนว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดฐานร่วมกันมีเลื่อยโซ่ยนต์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตตามที่โจทก์ฟ้องหรือไม่ ปัญหานี้แม้คู่ความมิได้ยกขึ้นฎีกา แต่เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225 คดีนี้ ในความผิดฐานร่วมกันมีเลื่อยโซ่ยนต์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตนั้น โจทก์บรรยายฟ้องในข้อ (ค) ว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันมีเลื่อยวงเดือน ยี่ห้อมาร์ดีต้า รุ่น 51031 สีเทา พร้อมใบเลื่อยขนาด 12 นิ้ว จำนวน 1 วง อันเป็นเลื่อยโซ่ยนต์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนเลื่อยโซ่ยนต์ตามกฎหมาย และขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติเลื่อยโซ่ยนต์ พ.ศ. 2545 มาตรา 4, 17 โดยตามคำฟ้องไม่ปรากฏว่ามีการบรรยายฟ้องว่า ฟันเลื่อยติดกับโซ่ จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ เห็นว่า “เลื่อยโซ่ยนต์” ตามคำนิยามในมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติเลื่อยโซ่ยนต์ พ.ศ.2545 หมายความว่า เครื่องมือสำหรับใช้ตัดไม้หรือแปรรูปไม้ที่มีฟันเลื่อยติดกับโซ่ซึ่งขับเคลื่อนด้วยกำลังเครื่องจักรกล และให้หมายความรวมถึงส่วนหนึ่งส่วนใดที่เป็นส่วนประกอบของเครื่องมือดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ตามที่รัฐมนตรีกำหนดในกฎกระทรวง แต่เลื่อยวงเดือน ตามความหมายในพจนานุกรมฉบับราชบัญฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 หมายความว่า เลื่อยชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเป็นแผ่นกลม มีฟันอยู่โดยรอบ จึงเป็นเลื่อยคนละชนิดกัน เมื่อคำฟ้องโจทก์ระบุชัดแจ้งว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันมีเลื่อยวงเดือนพร้อมใบเลื่อย มิใช่มีเลื่อยโซ่ยนต์ การกระทำของจำเลยทั้งสองตามฟ้อง จึงไม่เป็นความผิดฐานร่วมกันมีเลื่อยโซ่ยนต์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ตามมาตรา 4 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติเลื่อยโซ่ยนต์ พ.ศ. 2545 แม้จำเลยทั้งสองจะให้การรับสารภาพก็ตาม เมื่อการกระทำของจำเลยทั้งสองไม่เป็นความผิดศาลฎีกาต้องพิพากษายกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185 วรรคหนึ่ง, 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 215 และมาตรา 225 ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองในความผิดฐานร่วมกันมีเลื่อยโซ่ยนต์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ส่วนที่จำเลยทั้งสองฎีกา ขอให้รอการลงโทษจำคุกนั้น เห็นว่า ป่าไม้เป็นทรัพยากรธรรมชาติที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศน์เป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นบ่อเกิดแห่งต้นน้ำลำธารและปัจจัยพื้นฐานสำหรับความเป็นอยู่ของสิ่งมีชีวิต หากป่าไม้ถูกทำลายลงย่อมส่งผลกระทบต่อความสมดุลทางธรรมชาติเป็นเหตุให้เกิดภัยธรรมชาติ เช่น อุทกภัยหรือความแห้งแล้ง อันนำมาซึ่งความเสียหายสู่มนุษย์และสัตว์อย่างใหญ่หลวง แต่การที่จำเลยทั้งสองกลับเอาประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่ตั้งและกระทำความผิดโดยการตั้งโรงงานแปรรูปไม้แล้วทำการแปรรูปไม้แดงซึ่งเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. โดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่ว่าจะได้ไม้แดงแปรรูปเป็นจำนวนเท่าใด ก็นับว่าเป็นการสนับสนุนให้มีการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ซึ่งเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญของประเทศ เป็นผลให้ป่าไม้เสื่อมสภาพลงและยากที่จะทำการฟื้นฟูให้กลับคืนดีได้ดังเดิมนับเป็นภัยต่อทรัพยากรป่าไม้อย่างหนึ่ง พฤติการณ์เป็นเรื่องร้ายแรงสมควรลงโทษอย่างเด็ดขาดเพื่อป้องกันและปราบปรามมิให้มีการกระทำความผิดเช่นนี้อีก แม้ว่าจำเลยทั้งสองจะไม่เคยทำความผิดมาก่อน และมีภาระต้องเลี้ยงดูครอบครัวก็ยังไม่เพียงพอที่จะรอการลงโทษแก่จำเลยทั้งสอง ที่ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจกำหนดโทษจำคุกโดไม่รอการลงโทษให้แก่จำเลยทั้งสองนั้น เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดีแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข ฎีกาของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมีเลื่อยโซ่ยนต์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6