แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้ในตอนบนของเอกสารจะมีข้อความว่า “หนังสือพินัยกรรม” แต่ไม่มีพยาน 2 คน ลงลายมือชื่อรับรอง จึงไม่มีลักษณะเป็นพินัยกรรมตามกฎหมาย และหนังสือดังกล่าวมีข้อความว่า ข้าพเจ้า ล. หรือ ช. ได้ถวายที่ดินจำนวนประมาณ 15 ไร่ ให้วัดวังก์พงในปีที่วัดวังก์พงได้วางศิลาฤกษ์สร้างพระอุโบสถนั้น… เนื่องจากทราบว่าเอกสาร น.ส.3 ที่ได้ถวายได้สูญหายไปจากวัดวังก์พงเมื่อปี 2525 และยังติดตามไม่พบและในเอกสารยังมีชื่อของข้าพเจ้าอยู่ ข้าพเจ้าจึงขอทำหนังสือฉบับนี้ยืนยันการถวายที่ดินแปลงดังกล่าวและหากข้าพเจ้าถึงแก่กรรมขอให้ถือหนังสือฉบับนี้เป็นพินัยกรรมยืนยันการถวายมอบกรรมสิทธิ์ให้แก่วัดวังก์พงต่อไป ตามข้อความในเอกสารดังกล่าวถือได้ว่าเป็นหนังสือยืนยันการยกที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ทั้งในปัจจุบันขณะทำหนังสือดังกล่าวจนถึงว่าหากถึงแก่กรรมก็ยังยืนยันยกที่ดินพิพาทให้โจทก์ หนังสือดังกล่าวถือได้ว่าเป็นหนังสือแสดงเจตนาของ ล. ที่ยืนยันว่ามีเจตนายกที่ดินพิพาทให้โจทก์มาตั้งแต่แรกจนถึงขณะทำหนังสือดังกล่าว ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่า ล. ได้ยกที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ เมื่อโจทก์เข้าทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทแล้วที่ดินพิพาทจึงเป็นธรณีสงฆ์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงชื่อทางทะเบียนในหนังสือรับรองการทำประโยชน์เป็นชื่อของโจทก์ หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงชื่อทางทะเบียนในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เลขที่ 306 ตำบลปราณบุรี อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เนื้อที่ดิน 15 ไร่ ให้เป็นชื่อของวัดโจทก์ หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยข้อกฎหมายตามฎีกาของจำเลยเพียงว่า เอกสารหมาย จ.7 เป็นหนังสือพินัยกรรมหรือเป็นหนังสือยกให้ที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ ได้ตรวจดูเอกสารหมาย จ.7 แล้ว แม้ในตอนบนของเอกสารจะมีข้อความว่า “หนังสือพินัยกรรม” แต่มีข้อความว่า “ข้าพเจ้านางละม้าย หรือชม้าย ได้ถวายที่ดินจำนวนประมาณ 15 ไร่ ให้วัดวังก์พง ในปีที่วัดวังก์พงได้วางศิลาฤกษ์สร้างพระอุโบสถนั้น ข้าพเจ้าและชาวนครปฐมได้ร่วมกันซื้อที่ดินทิศเหนือติดนางอร ในปัจจุบันความยาวประมาณ 8 เส้น ทิศใต้จดที่นายทอง นางบุญเก็บ ที่ได้ถวายวัดวังก์พงไว้แล้ว ……………………………………………………………… เนื่องจากทราบว่าเอกสาร น.ส.3 ที่ได้ถวายได้สูญหายไปจากวัดวังก์พง เมื่อปี 2525 และยังติดตามไม่พบ และชื่อในเอกสารยังเป็นชื่อของข้าพเจ้าอยู่ ข้าพเจ้าจึงขอทำหนังสือฉบับนี้ยืนยันการถวายที่แปลงดังกล่าว และหากข้าพเจ้าได้ถึงแก่กรรมขอให้ถือหนังสือนี้เป็นพินัยกรรมยืนยันการถวายมอบกรรมสิทธิ์ให้แก่วัดวังก์พงต่อไป………………………….” ตามข้อความในเอกสารหมาย จ.7 ดังกล่าวถือได้ว่าเป็นหนังสือที่ยืนยันการยกให้ที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ โดยมีข้อความว่าได้ถวายที่ดินจำนวนประมาณ 15 ไร่ ให้โจทก์ ในหนังสือดังกล่าวตอนล่างยังมีข้อความว่า เอกสาร น.ส.3 ที่ถวายได้สูญหายไป เมื่อปี 2525 ติดตามไม่พบและชื่อในเอกสารยังเป็นชื่อข้าพเจ้าอยู่ ข้าพเจ้าจึงขอทำหนังสือฉบับนี้ยืนยันการถวายที่ดินแปลงดังกล่าว ซึ่งข้อความในตอนล่างนี้เป็นการยืนยันการถวายที่ดินพิพาทให้โจทก์ ส่วนตอนท้ายของเอกสารก็ยังมีข้อความระบุว่า “หากข้าพเจ้าได้ถึงแก่กรรม ขอให้ถือหนังสือนี้เป็นพินัยกรรมยืนยันการถวายมอบกรรมสิทธิ์ให้แก่วัดวังก์พงต่อไป” เป็นการแสดงเจตนายืนยันของนางละม้ายว่าได้ถวายที่ดินพิพาทให้โจทก์ ทั้งในปัจจุบันขณะทำหนังสือเอกสารหมาย จ.7 จนถึงว่าหากถึงแก่กรรมก็ยังยืนยันยกที่ดินพิพาทให้โจทก์ นางละม้ายจึงได้ทำหนังสือเอกสารหมาย จ.7 ขึ้นมาในลักษณะดังกล่าว แม้ตอนบนของเอกสารจะมีข้อความว่าเป็นหนังสือพินัยกรรม แต่การทำหนังสือเอกสารหมาย จ.7 ไม่มีพยาน 2 คน ลงลายมือชื่อรับรอง หนังสือเอกสารหมาย จ.7 จึงไม่มีลักษณะเป็นพินัยกรรมตามกฎหมาย แต่หนังสือดังกล่าวถือได้ว่าเป็นหนังสือแสดงเจตนาของนางละม้ายที่ยืนยันว่า มีเจตนายกที่ดินพิพาทให้โจทก์มาตั้งแต่แรกจนถึงขณะทำหนังสือเอกสารหมาย จ.7 ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่านางละม้ายได้ยกที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ เมื่อโจทก์เข้าทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทแล้วที่พิพาทจึงเป็นธรณีสงฆ์ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อทางทะเบียนในหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 306 เป็นชื่อโจทก์นั้นไม่ถูกต้อง เนื่องจากหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของที่ดินพิพาทไม่มีเลขที่ ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงชื่อทางทะเบียนในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เล่มที่ 3 หน้า 30 สารบบเล่ม 306 ตำบลปราณบุรี อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นชื่อโจทก์ ให้จำเลยใช้ค่าทนายความในชั้นฎีกา 1,500 บาท แทนโจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7