คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 485/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เดิมห.ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินพิพาทจากจำเลย ตามเอกสารหมาย จ.3 ชำระราคาแล้ว ต่อมา ผ. ทำสัญญาจะซื้อขายต่อจากห. ชำระราคาแล้วตามเอกสารหมายจ.2 ต่อมาโจทก์ทำสัญญาจะซื้อขายต่อจาก ผ. ได้ชำระราคาให้ ผ. แล้ว ตามเอกสารหมาย จ.1 ในที่สุดโจทก์กับจำเลยทำสัญญาจะซื้อขายกันอีกตามเอกสารหมายจ.4 ระบุว่าจำเลยได้รับเงินถูกต้องแล้ว ต่อมาจำเลยไม่ยอมโอนที่ดินให้โจทก์ เช่นนี้ การที่จำเลยทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินพิพาทให้ ห.และห.ทำสัญญาจะขายให้ผ.กับผ. ทำสัญญาจะขายให้โจทก์ตามเอกสารหมาย จ.3 จ.2 และ จ.1ตามลำดับ เป็นการแปลงหนี้ใหม่โดยเปลี่ยนตัวเจ้าหนี้แล้วโดยถือว่าหนังสือสัญญาจะซื้อขายที่ดินที่ ห.ทำกับผ.และที่ ผ. ทำกับโจทก์ เป็นหนังสือที่ทำขึ้นในการแปลงหนี้ใหม่ดังกล่าว โจทก์เป็นเจ้าหนี้คนใหม่แล้ว และที่จำเลยทำหนังสือสัญญาเอกสารหมาย จ.4 ระบุว่าโจทก์ได้ชำระราคาแล้วแต่ไม่ได้ชำระ เพราะความจริงจำเลยได้รับชำระจาก ห. แล้ว ถือว่าเอกสารหมาย จ.4 เป็นความยินยอมที่ทำเป็นหนังสือในการแปลงหนี้ใหม่ จึงเกิดหนี้ระหว่างโจทก์กับจำเลย โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องขอให้บังคับจำเลยโอนที่พิพาทให้โจทก์ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ตกลงขายที่ดินหนึ่งแปลงให้โจทก์ จำเลยได้รับเงินจากโจทก์ไปแล้ว แต่จำเลยไม่ยอมโอนที่ดินให้โจทก์ ขอให้บังคับให้จำเลยโอนที่ดินให้โจทก์

จำเลยให้การว่า จำเลยทำสัญญาจะขายที่ดินตามฟ้อง แต่จำเลยยังไม่ได้รับเงินจากโจทก์ ขอให้พิพากษายกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลยเดิมนายหิ้นทำสัญญาจะซื้อขายกับจำเลยชำระราคา 80,000 บาทแล้วตามเอกสารหมาย จ.3 ต่อมานางผ่องพักตร์ และนายชัยยุทธทำสัญญาจะซื้อขายต่อจากนายหิ้น ได้ชำระราคาแล้วตามเอกสารหมาย จ.2กับต่อมาโจทก์ทำสัญญาจะซื้อขายต่อจากนางผ่องพักตร์และนายชัยยุทธโจทก์ได้ชำระราคาให้บุคคลทั้งสองนี้แล้วตามสัญญาเอกสารหมาย จ.1ในที่สุดโจทก์กับจำเลยได้ทำสัญญาจะซื้อขายที่พิพาทกันอีกตามเอกสารหมาย จ.4 สัญญาข้อ 2 ระบุว่าโจทก์ผู้จะซื้อได้ชำระราคาที่ดิน 80,000 บาทให้จำเลยรับไว้ถูกต้องแล้ว ต่อมาจำเลยดำเนินการจนได้รับหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 485 สำหรับที่ดินพิพาทแล้วแต่ไม่โอนให้โจทก์ตามสัญญา โจทก์จึงนำคดีมาฟ้องขอให้บังคับ คดีมีปัญหาว่าจำเลยได้รับชำระราคาที่ดินพิพาทจากโจทก์ และโจทก์มีอำนาจฟ้องขอให้บังคับจำเลยโอนที่ดินพิพาทให้โจทก์ตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่าการที่จำเลยทำสัญญาจะขายที่ดินพิพาทให้นายหิ้น และนายหิ้นทำสัญญาจะขายให้นางผ่องพักตร์และนายชัยยุทธ กับนางผ่องพักตร์และนายชัยยุทธทำสัญญาจะขายให้โจทก์ตามเอกสารหมาย จ.3 จ.2 และ จ.1 ตามลำดับนั้นเป็นการแปลงหนี้ใหม่ด้วยเปลี่ยนตัวเจ้าหนี้แล้ว ซึ่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 349 วรรค 3 ให้บังคับด้วยบทบัญญัติทั้งหลายว่าด้วยโอนสิทธิเรียกร้องที่มีบัญญัติในมาตรา 306 วรรคแรกว่า “การโอนหนี้อันจะพึงต้องชำระแก่เจ้าหนี้คนหนึ่งโดยเฉพาะเจาะจงนั้น ถ้าไม่ทำเป็นหนังสือท่านว่าไม่สมบูรณ์ อนึ่งการโอนหนี้นั้นท่านว่าจะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ลูกหนี้หรือบุคคลภายนอกได้แต่เมื่อได้บอกกล่าวการโอนไปยังลูกหนี้ หรือลูกหนี้จะได้ยินยอมด้วยในการโอนนั้น คำบอกกล่าวหรือความยินยอมเช่นว่านี้ท่านว่าต้องทำเป็นหนังสือ” ดังนี้ มีปัญหาว่า การแปลงหนี้ใหม่ดังกล่าวได้ทำเป็นหนังสือหรือไม่ และจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ได้ยินยอมโดยความยินยอมได้ทำเป็นหนังสือหรือไม่ เห็นว่าหนังสือสัญญาจะซื้อขายที่ดินพิพาทที่นายหิ้นเป็นผู้จะขายทำกับนางผ่องพักตร์และนายชัยยุทธ ผู้จะซื้อตามเอกสารหมาย จ.2 และที่นางผ่องพักตร์และนายชัยยุทธผู้จะขายทำกับโจทก์ผู้จะซื้อที่ดินพิพาทตามเอกสารหมาย จ.1 โดยทุกฝ่ายลงลายมือชื่อไว้นั้น ถือได้ว่าเป็นหนังสือที่ได้ทำขึ้นในการแปลงหนี้ใหม่ด้วย เปลี่ยนตัวเจ้าหนี้ โดยโจทก์เป็นเจ้าหนี้คนใหม่แล้วและที่จำเลยทำหนังสือสัญญาจะขายที่ดินพิพาทให้โจทก์ตามเอกสารหมาย จ.4 ระบุว่าโจทก์ชำระราคาที่ดินพิพาทแล้ว แต่ไม่ได้ชำระเพราะความจริงจำเลยได้รับชำระจากนายหิ้นแล้ว ก็ถือได้ว่าหนังสือสัญญาจะซื้อขายตามเอกสารหมาย จ.4 ที่จำเลยทำขึ้นนั้นเป็นความยินยอมที่ทำเป็นหนังสือในการแปลงหนี้ใหม่ที่จำเลยในฐานะลูกหนี้ได้ทำไว้เพื่อโอนที่ดินพิพาทให้โจทก์แล้วด้วย ฉะนั้น จึงเกิดหนี้ระหว่างโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้คนใหม่ กับจำเลยลูกหนี้คนเดิม เมื่อข้อเท็จจริงเป็นดังนี้แม้จำเลยจะไม่ได้รับชำระราคาที่ดินพิพาทจากโจทก์ แต่ได้ทำสัญญาจะขายที่ดินพิพาทให้โจทก์ระบุว่าได้รับเงินราคาที่ดินพิพาทดังกล่าวข้างต้นแล้ว ก็ย่อมรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้บอกเลิกสัญญาจะซื้อขายที่ดินพิพาทกับนายหิ้นตามที่จำเลยนำสืบโต้เถียงดังวินิจฉัยมาโจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องขอให้บังคับจำเลยโอนที่ดินพิพาทให้โจทก์ได้

พิพากษากลับ ให้จำเลยโอนที่ดินพิพาทตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เลขที่ 385 หมู่ที่ 6 ตำบลน้ำน้อย อำเภอหาดใหญ่จังหวัดสงขลา ตามฟ้องให้แก่โจทก์ หากไม่ยอมโอนให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย

Share