คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 484/2552

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ผู้ร้องบรรยายในคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นมารดาของจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของทรัพย์ที่ถูกโจทก์นำยึด มิได้บรรยายให้เห็นว่าผู้ร้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับทรัพย์ดังกล่าว แม้ผู้ร้องจะอ้างว่าเดิมที่ดินที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดมาเป็นของผู้ร้องที่ได้ยกให้แก่จำเลย และผู้ร้องได้ชำระหนี้ให้แก่โจทก์แทนจำเลยไปแล้ว โดยจำเลยยินยอมที่จะโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินที่ถูกยึดคืนให้แก่ผู้ร้องก็เป็นเรื่องที่ผู้ร้องจะไปว่ากล่าวกันต่างหาก ยังถือไม่ได้ว่าผู้ร้องเป็นผู้มีส่วนได้เสียในวิธีบังคับคดีอันเกี่ยวด้วยทรัพย์สินอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.พ. มาตรา 280 ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนหมายบังคับคดีและประกาศเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ตามมาตรา 296

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 200,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้อง (วันที่ 1 ธันวาคม 2536) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และให้จำเลยชำระค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความ 1,200 บาท เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้แทนเท่าที่โจทก์ชนะคดี จำเลยไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์ขอให้บังคับคดี
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นมารดาของจำเลย เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2541 เจ้าพนักงานบังคับคดีมีประกาศยึดทรัพย์ที่ดินโฉนดเลขที่ 7071 และ 7072 ซึ่งเดิมที่ดินดังกล่าวเป็นของผู้ร้องที่โอนให้แก่จำเลย ที่ดินโฉนดเลขที่ 7071 เป็นทางเข้าออกของโรงแรมสระบุรีโฮเต็ลที่ผู้ร้องเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ และที่ดินยังตกเป็นภาระจำยอมที่ห้างหุ้นส่วนจำเลยสระบุรีโฮเต็ลครอบครองมาตั้งแต่ปี 2518 เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2544 ผู้ร้องมอบหมายให้บุตรชายคนโตไปชำระหนี้ให้แก่โจทก์กับให้จำเลยลงชื่อโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินที่ถูกยึดให้กลับมาเป็นของผู้ร้องดังเดิม โจทก์ได้แจ้งขอถอนการบังคับคดีต่อเจ้าพนักงานบังคับคดี จังหวัดสระบุรีแล้ว เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2544 สำนักงานบังคับคดีจังหวัดสระบุรี มีหนังสือแจ้งถอนการยึดไปยังเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสระบุรี โดยแจ้งถอนการยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 7071 แปลงเดียว ทั้งที่เดิมเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดิน 2 แปลง ต่อมาวันที่ 12 ตุลาคม 2544 สำนักงานบังคับคดีจังหวัดสระบุรีมีหนังสือถึงผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดสระบุรีแจ้งขอถอนการยึดทรัพย์ที่ดินโฉนดเลขที่ 7071 ด้วยเหตุดังกล่าวทำให้ผู้ร้องไม่สามารถโอนที่ดินของจำเลยกลับมาเป็นของผู้ร้องได้ ขอให้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งถอนหนังสือสำนักงานบังคับคดีจังหวัดสระบุรีที่แจ้งถอนการยึดอสังหาริมทรัพย์ต่อเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสระบุรี ลงวันที่ 17 กันยายน 2544 ให้เป็นโมฆะ ถอนหนังสือสำนักงานบังคับคดีจังหวัดสระบุรีที่แจ้งถอนการยึดทรัพย์และถอนการบังคับคดีต่อผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดสระบุรี ลงวันที่ 12 ตุลาคม 2544 ให้เป็นโมฆะเพราะหนังสือดังกล่าวแจ้งต่อศาลว่าได้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 7071 เพียงแปลงเดียว มีคำสั่งถึงสำนักงานบังคับคดีจังหวัดสระบุรี ให้ถอนการยึดทรัพย์ที่ดินทั้งสองแปลงและถอนการบังคับคดี มีคำสั่งถึงเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสระบุรีให้ถอนการยึดทรัพย์ที่ดินทั้งสองแปลงของจำเลย และอนุญาตให้ผู้ร้องโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินของจำเลยกลับมาเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องเช่นเดิมโดยแจ้งจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ต่อเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสระบุรีตามความประสงค์ของผู้ร้องและของผู้โอนกรรมสิทธิ์
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งว่า การบังคับคดีและถอนการบังคับคดีชอบแล้ว ไม่มีเหตุเพิกถอนการบังคับคดี ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจวินิจฉัยว่า “ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องมีว่า ผู้ร้องมีส่วนได้เสียตามกฎหมายที่มีสิทธิร้องขอให้ศาลเพิกถอนการบังคับคดีในคดีนี้หรือไม่ เห็นว่า การที่ผู้ร้องจะมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนหมายบังคับคดีได้ ผู้ร้องจะต้องเป็นผู้มีส่วนได้เสียในวิธีบังคับคดีอันเกี่ยวด้วยทรัพย์สินที่มีการบังคับคดีในคดีนี้ตามบัญญัติไว้ใน ป.วิ.พ. มาตรา 280 กล่าวคือ จะต้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษาและในกรณีที่มีการอายัดสิทธิเรียกร้อง ลูกหนี้แห่งสิทธิเรียกร้องนั้น หรือหากเป็นบุคคลอื่นก็ต้องเป็นผู้ที่ชอบจะใช้สิทธิอันได้จดทะเบียนไว้โดยชอบ หรือที่ได้ยื่นคำร้องขอตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 288, 289, และ 290 อันเกี่ยวกับทรัพย์สินหรือสิทธิเรียกร้องเช่นว่ามานั้น เมื่อผู้ร้องบรรยายในคำร้องแต่เพียงว่า ผู้ร้องเป็นมารดาของจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของทรัพย์ที่ถูกโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดตามประกาศยึดทรัพย์ มิได้บรรยายให้เห็นว่าผู้ร้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับทรัพย์ดังกล่าวอย่างใด แม้ผู้ร้องจะอ้างว่าเดิมที่ดินที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดมาเป็นของผู้ร้องที่ได้ยกให้แก่จำเลย และผู้ร้องได้ชำระหนี้ให้แก่โจทก์แทนจำเลยไปแล้ว โดยจำเลยยินยอมที่จะโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินที่ถูกยึดคืนให้แก่ผู้ร้องก็เป็นเรื่องที่ผู้ร้องจะไปว่ากล่าวกันต่างหาก ยังถือไม่ได้ว่าผู้ร้องเป็นผู้มีส่วนได้เสียในวิธีบังคับคดีอันเกี่ยวด้วยทรัพย์สินอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 280 ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนหมายบังคับคดีและประกาศเจ้าพนักงานบังคับคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 296 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามานั้นชอบแล้ว”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share