คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 484/2516

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยรับจ้างขนส่งกากน้ำตาลให้แก่โจทก์ กากน้ำตาลขาดหายไป ปรากฏว่าเมื่อขนลงเรือ โจทก์กะประมาณน้ำหนักเอาเมื่อรับของจึงจะมีการชั่ง ตวง วัด จึงเกิดการคลาดเคลื่อนไม่แน่นอน และเมื่อสูบกากน้ำตาลขึ้นจากเรือมีกากน้ำตาลเหนียวติดเรือ และน้ำที่ปนน้ำตาลแห้งระเหยไปด้วย ดังนี้ จำนวนน้ำหนักกากน้ำตาลที่ขาดไปจึงเป็นการเกิดแต่สภาพแห่งของนั้นเองซึ่งจำเลยพิสูจน์ได้ มิใช่จำเลยเป็นผู้ทำให้ขาดไป จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 616
เมื่อโจทก์กับจำเลยไม่มีมูลหนี้ต่อกัน หนังสือรับสภาพหนี้ที่โจทก์ฟ้องก็ปราศจากหนี้ที่จะรับสภาพ ไม่มีผลบังคับแก่กัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 ผู้จัดการ ทำสัญญารับจ้างขนกากน้ำตาลให้โจทก์ จำเลยที่ 3 เป็นผู้ค้ำประกันระหว่างขนส่ง ปรากฏว่ากากน้ำตาลได้ขาดหายไประหว่างการขนส่ง 423.658 ตัน คิดเป็นราคา 142,554.19 บาท จำเลยที่ 1 จะต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ โจทก์ได้ทวงถามให้จำเลยที่ 1 ชำระ จำเลยที่ 2 ในฐานะส่วนตัวและในฐานะแทนจำเลยที่ 1 ได้มีหนังสือรับสภาพหนี้ถึงโจทก์และขอลดค่าเสียหายลงบ้าง โจทก์ลดให้คงเหลือ 116,548.92 บาท จำเลยก็ยังไม่ใช่ ขอให้ศาลบังคับจำเลยที่ 1-2 ให้ชำระ หากไม่สามารถใช้หรือใช้ขาดอยู่เท่าใด ให้จำเลยที่ 3 รับผิดภายในวงเงินที่ค้ำประกัน

จำเลยที่ 1 ให้การว่า ไม่เคยทำให้กากน้ำตาลของโจทก์ขาดหายไปในระหว่างขนส่งไม่ต้องรับผิด กากน้ำตาลเมื่อขนลงเรือไม่มีการชั่ง ตวง วัดโดยละเอียด เป็นแต่กะประมาณเอา จำนวนกากน้ำตาลตามใบส่งจึงมีจำนวนสูงกว่าตามใบรับ เพราะมีการชั่ง ตวง วัดที่โรงงานสุราขณะรับเมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจเงินแผ่นดินมาตรวจถือเอาตามจำนวนใบส่ง ไม่ถือตามใบรับ เจ้าหน้าที่ของโจทก์กลัวผิด จึงให้จำเลยทำหนังสือรับสภาพหนี้เพื่อไปใช้ลวงเจ้าหน้าที่ตรวจเงินแผ่นดิน ไม่มีเจตนาจะนำมาใช้เป็นมูลหนี้อันแท้จริงเพื่อฟ้องร้อง เพราะหมดอายุความแล้ว หนังสือรับสภาพหนี้เป็นโมฆะ โจทก์นำมาฟ้องจำเลยไม่ได้

จำเลยที่ 2 ให้การว่า ทำหนังสือรับสภาพหนี้ในนามของจำเลยที่ 1จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว หนังสือรับสภาพหนี้เกิดจากเจตนาลวงสมรู้กันระหว่างเจ้าหน้าที่ของโจทก์กับจำเลยที่ 2 เพื่อลวงเจ้าหน้าที่ตรวจเงินแผ่นดิน ไม่มีเจตนาผูกพันกันตามหนังสือนั้นเป็นโมฆะ

จำเลยที่ 3 ให้การและแก้คำให้การว่า สัญญาค้ำประกันของจำเลยที่ 3 มีกำหนดเวลา เมื่อพ้นกำหนดแล้วจำเลยที่ 3 ไม่ต้องรับผิด ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ไม่แจ้งว่าระหว่างเวลาค้ำประกันกากน้ำตาลขาดหายไประหว่างการขนส่งจำนวนเท่าใด กากน้ำตาลไม่ได้ขาดหายเพราะเมื่อส่งประมาณน้ำหนักเอา และเมื่อขนขึ้นใช้เครื่องดูดกากน้ำตาลขึ้นจากเรือ จึงมีกากน้ำตาลติดท้องเรือเป็นธรรมดา กากน้ำตาลที่ติดอยู่ตามท้องเรือนี้ จำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิดจำนวนที่ขาดหาย และจำเลยที่ 3 ผู้ค้ำประกันไม่ต้องรับผิดด้วย คดีโจทก์ขาดอายุความ โจทก์และจำเลยที่ 1-2 ไม่เคยแจ้งให้จำเลยที่ 3 ทราบว่า ได้มีการผิดสัญญาของจำเลยที่ 3 จะต้องรับผิด หนังสือรับสภาพหนี้ทำเมื่อพ้นกำหนดอายุความ 1 ปีแล้ว จำเลยที่ 3 ไม่ต้องรับผิด

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม กากน้ำตาลหายหกตกหล่นไปตามธรรมดาของการขนส่ง มิได้ขาดหายไปจริง ๆ เพราะความผิดของจำเลย หนังสือรับสภาพหนี้เกิดจากเจตนาลวงระหว่างจำเลยที่ 2 กับเจ้าหน้าที่ของบริษัทโจทก์ ไม่ประสงค์จะให้ผูกพันตน เป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 118 จำเลยที่ 1-2 ไม่ต้องรับผิดการขนส่งกากน้ำตาลเที่ยวสุดท้ายจนถึงวันรับสภาพหนี้เกิน 1 ปี โจทก์ฟ้องคดีพ้นอายุความฟ้องร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 624หนี้ของจำเลยที่ 1 ระงับไปเพราะขาดอายุความ จำเลยที่ 3 ผู้ค้ำประกันย่อมหลุดพ้นจากความรับผิดตามมาตรา 698 พิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า กากน้ำตาลที่ขนส่งลงเรือ โจทก์กะประมาณน้ำหนักเอา เมื่อส่งของจึงจะมีการชั่ง ตวง วัด กากน้ำตาลที่ขาดหายไปจึงเกิดจากความคลาดเคลื่อนไม่แน่นอนในการคิดคำนวณน้ำหนัก ประกอบกับการสูบกากน้ำตาลขึ้นจากเรือไม่หมด เพราะมีกากน้ำตาลเหนียวติดเรืออยู่อีก และน้ำที่ปนน้ำตาลแห้งระเหยไปด้วย จำนวนกากน้ำตาลที่ขาดไปนั้นจึงเป็นการเกิดแต่สภาพแห่งของนั้นเอง ซึ่งจำเลยที่ 1 พิสูจน์ได้ มิใช่จำเลยที่ 1 เป็นผู้ทำให้ขาดไป จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 616 เมื่อจำเลยที่ 1 ต้องรับผิดในกากน้ำตาลที่ขาดหายไป โจทก์กับจำเลยที่ 1 ก็ไม่มีมูลหนี้ต่อกัน หนังสือรับสภาพหนี้ที่โจทก์ฟ้องก็ปราศจากหนี้ที่จะรับสภาพไม่มีผลบังคับแก่กัน ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยฎีกาข้ออื่น

พิพากษายืน

Share