คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4836/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่มีข้อตกลงระหว่างฝ่ายโจทก์และฝ่ายจำเลยว่าเงิน100,000 บาท ฝ่ายจำเลยจัดหามาเพื่อแสดงในพิธีหมั้นแล้วฝ่ายโจทก์จะคืนให้ฝ่ายจำเลย เงินจำนวนดังกล่าวจึงไม่ใช่สินสอด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสามสู่ขอโจทก์ที่ 1 ต่อโจทก์ที่ 2ให้สมรสกับจำเลยที่ 1 โดยจำเลยทั้งสามมอบเงินสินสอดจำนวน 100,000บาท ให้โจทก์ที่ 2 มีการสมรสตามประเพณี เงินสินสอดดังกล่าวโจทก์ที่ 1 ได้มอบให้จำเลยที่ 3 เก็บรักษาไว้ ต่อมาจำเลยที่ 1ไม่ยอมไปจดทะเบียนสมรสกับโจทก์ที่ 1 จำเลยทั้งสามจึงผิดสัญญาหมั้นทำให้โจทก์ที่ 1 ได้รับความเสียหายต่อกายและชื่อเสียงเป็นเงิน100,000 บาท ค่าทดแทนที่ต้องลาออกจากงานเพื่อเตรียมการสมรสเป็นเงิน 50,000 บาท เงินสินสอดที่จำเลยต้องคืนให้โจทก์ 100,000 บาทเงินช่วยงานจากแขกอีก 12,500 บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าทดแทนและคืนเงินสินสอด 287,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป
จำเลยทั้งสามให้การว่า โจทก์มิได้เรียกเงินสินสอดจากฝ่ายจำเลยแต่ฝ่ายจำเลยจัดหาเงิน100,000 บาท มาแสดงเป็นเงินสินสอด แล้วโจทก์ที่ 2 จะคืนให้เป็นทุนแก่โจทก์ที่ 1 ในงานพิธีสมรส จำเลยทั้งสามมิได้ผิดสัญญาหมั้น โจทก์ทั้งสองไม่มีสิทธิเรียกค่าทดแทนและไม่มีสิทธิเรียกร้องเงินสินสอดเพราะเงินจำนวนดังกล่าวมิใช่สินสอดขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงิน105,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้อง(18 มีนาคม 2531) จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ที่ 1 ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ที่ 1 โดยกำหนดค่าทนายความให้1,000 บาท ให้ยกฟ้องโจทก์ที่ 2
โจทก์ทั้งสองและจำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันคืนเงินค่าสินสอดจำนวน 100,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ที่ 1 ด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยโดยฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 เป็นฝ่ายผิดสัญญาหมั้นค่าทดแทนความเสียหายที่ศาลล่างกำหนดให้ 105,000 บาทเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดีแล้ว และข้อเท็จจริงน่าเชื่อว่ามีข้อตกลงระหว่างฝ่ายโจทก์และฝ่ายจำเลยว่า เงินจำนวน 100,000 บาทฝ่ายจำเลยจัดหามาเพื่อแสดงในพิธีหมั้น แล้วฝ่ายโจทก์จะคืนให้ฝ่ายจำเลย ดังนั้นเงินจำนวน 100,000 บาท ดังกล่าวจึงไม่ใช่สินสอดโจทก์ที่ 2 จึงไม่มีสิทธิเรียกคืนจากจำเลยทั้งสาม
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน105,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่18 มีนาคม 2531 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ที่ 1

Share