แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อบ้านพิพาทตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์โดยการขายฝากบ้านพิพาทจึงมิใช่ทรัพย์สินของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาการที่โจทก์ขอให้บังคับคดี และเจ้าพนักงานบังคับคดีจัดการให้โจทก์เข้าครอบครองบ้านพิพาทนั้น เป็นการใช้สิทธิติดตามและเอาคืนซึ่งทรัพย์สินของโจทก์จากบุคคลผู้ไม่มีสิทธิจะยึดไว้ มิใช่เป็นการบังคับคดีหรือบังคับชำระหนี้เอาจากทรัพย์สินของจำเลยผู้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา จึงไม่เข้าเกณฑ์ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง อันที่ผู้ร้องจะขอกันส่วนบ้านพิพาทในคดีนี้ได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลย ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวาร และส่งมอบบ้านพิพาทคืนโจทก์ และให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์แต่จำเลยไม่ปฏิบัติตาม โจทก์จึงขอให้บังคับคดีและเจ้าพนักงานบังคับคดีได้จัดการให้โจทก์ครอบครองบ้านพิพาท และยึดเครื่องรับโทรทัศน์สีชุดโต๊ะอาหาร เครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศ และสิทธิการเช่าโทรศัพท์ โดยอ้างว่าเป็นทรัพย์ของจำเลย เพื่อบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษา
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า โจทก์ยึดบ้านพิพาท และนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินเป็นของผู้ร้องกับจำเลยซึ่งได้มาระหว่างเป็นสามีภริยา ผู้ร้องจึงมีกรรมสิทธิ์ครึ่งหนึ่ง ขอให้มีคำสั่งกันส่วนของผู้ร้องออกจากการบังคับคดี
โจทก์ยื่นคำคัดค้าน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้กันส่วนเงินที่ขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดกึ่งหนึ่งให้ผู้ร้อง
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า บ้านพิพาทตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์โดยการขายฝาก บ้านพิพาทจึงมิใช่ทรัพย์สินของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาแต่อย่างใดการที่โจทก์ขอให้บังคับคดีและเจ้าพนักงานบังคับคดีจัดการให้โจทก์เข้าครอบครองบ้านพิพาทนั้น เป็นการใช้สิทธิติดตามและเอาคืนซึ่งทรัพย์สินของโจทก์จากบุคคลผู้ไม่มีสิทธิที่จะยึดไว้ มิใช่เป็นการบังคับคดีหรือบังคับชำระหนี้เอาจากทรัพย์สินของจำเลยผู้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา จึงไม่เข้าเกณฑ์ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในอันที่ผู้ร้องจะขอกันส่วนบ้านพิพาทในคดีนี้ได้ ทั้งนี้เพราะการร้องขอกันส่วนได้แก่การที่บุคคลภายนอกผู้เป็นเจ้าหนี้บุริมสิทธิหรือสิทธิอื่น ๆ ร้องขอให้บังคับเหนือทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาที่มีการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินนั้น หรือขอให้เอาเงินที่ได้จากการขายหรือจำหน่ายทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษามาชำระหนี้ของตนก่อนเจ้าหนี้อื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 หรือ 289 แล้วแต่กรณีศาลอุทธรณ์พิพากษาให้กันส่วนเฉพาะเงินที่ขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดรวม 5 รายการให้แก่ผู้ร้องกึ่งหนึ่ง ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล
พิพากษายืน