แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่ศาลสั่งให้พนักงานคุมประพฤติสืบเสาะและพินิจจำเลยเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประวัติความประพฤติ ฯลฯตลอดจนสภาพสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับตัวจำเลยนั้น มิใช่เรื่องที่ศาลสั่งให้มีการสืบพยานเกี่ยวกับการกระทำที่โจทก์ฟ้องว่าเป็นความผิด แต่เป็นเรื่องสืบเสาะข้อเท็จจริงเพื่อนำมาใช้ในการพิจารณาโทษและวิธีการที่จะปฏิบัติต่อจำเลยเท่านั้น ถึงแม้ตามพระราชบัญญัติวิธีดำเนินการคุมประพฤติตามประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2522 มาตรา13 ศาลจะมีอำนาจรับฟังรายงานของพนักงานคุมประพฤติตามมาตรา 11โดยไม่ต้องมีพยานบุคคลประกอบก็ตาม แต่ก็เป็นพยานสำหรับการพิจารณาเรื่องโทษและวิธีการที่จะดำเนินการต่อผู้กระทำผิดเท่านั้นหาใช่พยานหลักฐานที่จะนำมาวินิจฉัยการกระทำที่ถูกฟ้องด้วยไม่จึงนำข้อเท็จจริงจากรายงานของพนักงานคุมประพฤติมาเป็นเหตุยกฟ้องไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันมีอาวุธปืนไม่มีหมายเลขทะเบียนและกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต กับร่วมกันพกพาอาวุธปืนและยิงปืนโดยไม่มีเหตุสมควรและใช้เหตุในเมือง หมู่บ้าน ที่ชุมชนขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๘ ทวิ, ๗๒, ๗๒ ทวิพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯลฯ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๑๗ มาตรา ๓ คำสั่งคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ ๔๔ ลงวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๑๙ข้อ ๓, ๖, ๗ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๗๑, ๓๗๖, ๘๓ ขอให้ริบของกลาง
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองตามฟ้อง
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์ว่า มิได้ร่วมกับจำเลยที่ ๑ มีไว้ในครอบครองซึ่งอาวุธปืน กระสุนปืน และร่วมพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านและทางสาธารณะ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ ๒เฉพาะข้อหาฐานมีไว้ในครอบครองซึ่งอาวุธปืน กระสุนปืน และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านและทางสาธารณะ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ ๒ ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาตามฎีกาของโจทก์ว่า ศาลจะนำข้อเท็จจริงจากรายงานของพนักงานคุมประพฤติมาวินิจฉัยว่าจำเลยที่ ๒ มิได้กระทำผิดตามฟ้องได้หรือไม่ ปรากฏว่าคดีนี้โจทก์จำเลยไม่สืบพยานก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาได้มีคำสั่งตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๒๓ ว่า “เนื่องจากศาลประสงค์จะทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประวัติ ความประพฤติ ฯลฯตลอดจนสภาพสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับตัวจำเลยจึงให้พนักงานคุมประพฤติสืบเสาะและพินิจจำเลยนี้แล้วรายงานให้ทราบภายใน๑๕ วัน” วันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๒๓ พนักงานคุมประพฤติส่งรายงานการสืบเสาะและพินิจให้ศาลทราบ โดยในรายงานของพนักงานคุมประพฤติมีข้อเท็จจริงให้เห็นว่า จำเลยที่ ๒ มิได้กระทำผิดด้วยดังนี้ เห็นว่าตามคำสั่งศาลเห็นได้ว่า มิใช่เรื่องที่ศาลสั่งให้มีการสืบพยานเกี่ยวกับการกระทำที่โจทก์ฟ้องว่าเป็นความผิด แต่เป็นเรื่องสืบเสาะข้อเท็จจริงเพื่อนำมาใช้ในการพิจารณาโทษและวิธีการที่จะปฏิบัติต่อจำเลยเท่านั้น ถึงแม้ตามพระราชบัญญัติวิธีดำเนินการคุมประพฤติตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๕๒๒มาตรา ๑๓ ศาลจะมีอำนาจฟังรายงานของพนักงานคุมประพฤติตามมาตรา ๑๑ โดยไม่ต้องมีพยานบุคคลประกอบ ฯลฯ ซึ่งอาจจะเป็นพยานหลักฐานที่มาสู่ศาลโดยชอบก็ตาม แต่ก็เป็นพยานหลักฐานสำหรับการพิจารณาเรื่องโทษและวิธีการที่จะดำเนินการต่อผู้กระทำผิดเท่านั้นหาใช่พยานหลักฐานที่จะนำมาวินิจฉัยการกระทำที่ถูกฟ้องด้วยไม่การที่ศาลอุทธรณ์นำข้อเท็จจริงจากรายงานของพนักงานคุมประพฤติมาวินิจฉัยยกฟ้องจำเลยที่ ๒ จึงเป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่