คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4822/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทั้งสองได้ปฏิเสธไว้โดยชัดแจ้งในคำให้การแล้วว่า ว.ไม่ใช่อธิบดีโจทก์ในขณะฟ้องคดี และมิใช่ผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ ซึ่งศาลได้กำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทไว้แล้วข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงเป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์จะต้องนำสืบ มิใช่เป็นข้อเท็จจริงที่รู้กันอยู่ทั่วไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยที่ ๑ รับผิดตามสัญญาซื้อขายและให้จำเลยที่ ๒ รับผิดตามสัญญาค้ำประกันต่อโจทก์ โดยขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน ๔๘๒,๖๒๕ บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองให้การว่า ขณะฟ้องคดีโจทก์จะมีนายวิเวก ปางพุฒิพงศ์ เป็นอธิบดีมีอำนาจกระทำการแทนโจทก์จริงหรือไม่ ไม่ทราบและไม่รับรอง จำเลยทั้งสองไม่ต้องรับผิดตามสัญญาซื้อขายและสัญญาค้ำประกันตามฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาว่า การนำสืบของโจทก์มีน้ำหนักฟังได้ว่านายวิเวก ปางพุฒิพงศ์ เป็นอธิบดีโจทก์ในขณะยื่นฟ้องคดีและมีอำนาจในการลงชื่อในใบแต่งตั้งทนายความแทนโจทก์ได้นั้น เห็นว่านายวิเวกจะเป็นอธิบดีโจทก์ในขณะฟ้องคดีและมีอำนาจกระทำการแทนโจทก์หรือไม่นั้น เป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์จะต้องนำสืบ มิใช่เป็นข้อเท็จจริงที่รู้กันอยู่ทั่วไป คดีนี้จำเลยทั้งสองได้ปฏฺิเสธไว้โดยชัดแจ้งในคำให้การแล้วว่า นายวิเวกไม่ใช่อธิบดีโจทก์ในขณะฟ้องคดี และมิใช่ผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ ซึ่งศาลได้กำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทไว้แล้ว โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องนำสืบให้ฟังได้ว่า นายวิเวกเป็นอธิบดีโจทก์และมีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ได้ในขณะที่ยื่นฟ้องคดีนี้ แต่ทางพิจารณาที่โจทกนำสืบไม่มีพยานโจทก์ปากใดเบิกความยืนยันหรือมีเอกสารฉบับใดรับรองในขณะที่โจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้ว่านายวิเวกยังเป็นอธิบดีโจทก์อยู่ และมีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ได้ แม้จำเลยทั้งสองจะมิได้นำสืบให้เห็นเป็นอย่างอื่นดังที่โจทก์กล่าวอ้างในฎีกา ก็เป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องนำสืบให้ได้ความเช่นนั้นเมื่อโจทก์นำสืบรับฟังไม่ได้ว่านายวิเวกเป็นอธิบดีโจทก์และมีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ได้ในขณะฟ้องคดีนี้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
พิพากษายืน.

Share