คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4816/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ในชั้นพิจารณาจำเลยให้การรับสารภาพและไม่สืบพยานแต่พยานหลักฐานเท่าที่โจทก์นำสืบไม่มีน้ำหนัก จึงไม่อาจรับฟังลงโทษจำเลยในข้อหาร่วมกับพวกใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายตามฟ้องได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยรวม 2 กระทง จำคุก 1 ปีและให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งตัวจำเลยไปฝึกและอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน มีกำหนด 1 ปี ศาลอุทธรณ์เห็นไม่สมควรเปลี่ยนโทษจำเลยโดยส่งตัวไปฝึกและอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จึงเป็นการแก้ไขมากและเพิ่มเติมโทษจำเลย จึงไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2534 มาตรา 6
ความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 72 วรรคสองต้องเป็นกรณีที่มีเครื่องกระสุนปืนเท่านั้น แต่เครื่องกระสุนปืนตามฟ้องคือกระสุนซึ่งเป็นเครื่องกระสุนปืนที่ใช้กับอาวุธปืนตามฟ้อง ทั้งโจทก์ก็ฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนและกระสุนปืนไว้ในครอบครองอันเป็นความผิดตามมาตรา 7,72 วรรคหนึ่ง เมื่อฟังว่าเป็นอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามมาตรา 7,72 วรรคสาม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกอีก 1 คน อายุพ้นเกณฑ์เยาวชนร่วมกันกระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกันกล่าวคือ จำเลยกับพวกร่วมกันมีอาวุธปืนพกไม่ทราบชนิดและขนาด จำนวน 1 กระบอก และมีกระสุนปืนไม่ทราบชนิดและขนาดจำนวน 1 นัด ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ตามกฎหมายตามวันเวลาดังกล่าว จำเลยกับพวกร่วมกันพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาตและโดยไม่มีเหตุสมควรแล้วจำเลยกับพวกร่วมกันใช้อาวุธปืนนั้นยิงนายอิสะมะแอ มามุ จำนวน 1 นัด กระสุนปืนถูกบริเวณศีรษะซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญของร่างกายเป็นเหตุให้นายอิสะมะแอถึงแก่ความตายสมดังเจตนาโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ขณะกระทำผิดจำเลยอายุ 15 ปีเศษขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 288,289, 371, 91 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72,72 ทวิ

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 พระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 วรรคสอง, 72 วรรคสาม และมาตรา 8 ทวิวรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง ประกอบกับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ขณะกระทำผิดจำเลยอายุ 15 ปีเศษ ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่ง ความผิดฐานร่วมกันมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 7, 72 วรรคสอง กับมาตรา 7,72 วรรคสาม ซึ่งเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้ลงโทษฐานร่วมกันมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 7, 72 วรรคสอง อันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดจำคุก 1 ปี 4 เดือน ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และโดยไม่มีเหตุสมควรตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสองกับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ซึ่งเป็นความผิดกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง , 72 ทวิ วรรคสองอันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดจำคุก 8 เดือน รวม 2 กระทง จำคุก 2 ปีจำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 1 ปี อาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2534มาตรา 104(2) ให้เปลี่ยนโทษจำคุกจำเลยเป็นส่งตัวจำเลยไปฝึกและอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดสงขลามีกำหนด 1 ปี นับแต่วันควบคุม ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 289(4) อีกกระทงหนึ่งด้วย จำเลยอายุไม่เกิน 17 ปี ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 75 ประกอบด้วยมาตรา 52(2) คงจำคุก 50 ปี จำเลยรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 25 ปี รวมกับโทษในข้อหาอื่นตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นแล้วคงจำคุก 26 ปี จำเลยกระทำความผิดในข้อหาร้ายแรง ไม่สมควรเปลี่ยนโทษจำเลยโดยส่งตัวไปฝึกและอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดสงขลา นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า คดีคงมีปัญหาตามฎีกาของจำเลยในข้อแรกว่า จำเลยร่วมกับพวกใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตายหรือไม่ เห็นว่า พยานหลักฐานเท่าที่โจทก์นำสืบไม่มีน้ำหนักไม่อาจรับฟังลงโทษจำเลยในข้อหาร่วมกับพวกใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายตามฟ้องของโจทก์ได้

ส่วนที่จำเลยฎีกาข้อต่อไปขอให้ลงโทษสถานเบานั้น เห็นว่าความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ นั้น ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษรวม 2 กระทง จำคุก 1 ปี และให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งตัวจำเลยไปฝึกและอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดสงขลา มีกำหนด 1 ปี ศาลอุทธรณ์ภาค 9 เห็นไม่สมควรเปลี่ยนโทษจำเลยโดยส่งตัวไปฝึกและอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดสงขลา จึงเป็นการแก้ไขมากและเพิ่มเติมโทษจำเลย กรณีไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2534 มาตรา 6 ขณะกระทำความผิดจำเลยอายุเพียง15 ปีเศษ กำลังอยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียน ปัจจุบันศึกษาในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพวิทยาลัยเทคนิคนราธิวาส ทั้งไม่เคยกระทำผิดมาก่อน เป็นเหตุอันควรปรานี สมควรรอการลงโทษให้จำเลย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 และกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติของจำเลยไว้ด้วย

อนึ่ง ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 7, 72 วรรคสองและวรรคสาม ให้ลงโทษตามมาตรา 72 วรรคสอง ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดย่อมไม่ถูกต้อง เพราะความผิดตามมาตรา 72 วรรคสอง ต้องเป็นกรณีที่มีเครื่องกระสุนปืนเท่านั้น แต่คดีนี้ได้ความว่าเครื่องกระสุนปืนตามฟ้องคือกระสุนซึ่งเป็นเครื่องกระสุนปืนที่ใช้กับอาวุธปืนตามฟ้องทั้งโจทก์ก็ฟ้องว่าจำเลยมีอาวุธปืนและกระสุนปืนไว้ในครอบครองอันเป็นความผิดตามมาตรา 7, 72 วรรคหนึ่ง เมื่อศาลล่างทั้งสองฟังว่าเป็นอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่น ดังนั้นการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามมาตรา 7, 72 วรรคสาม เท่านั้น ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 พระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 วรรคสาม และมาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง,72 ทวิ วรรคสอง ประกอบกับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91ขณะกระทำผิดจำเลยอายุ 15 ปีเศษ ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 ความผิดฐานร่วมกันมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่น จำคุก 1 ปี 4 เดือน ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และโดยไม่มีเหตุสมควรตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯมาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง กับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสองซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90จำคุก 8 เดือน รวมจำคุก 2 ปี จำเลยรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยมีกำหนด 1 ปีโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 โดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก3 เดือนต่อครั้ง ภายในระยะเวลาดังกล่าว ทั้งนี้ให้จำเลยแสดงหลักฐานการศึกษาต่อพนักงานคุมประพฤติทุกครั้ง ห้ามจำเลยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดและอบายมุขทุกชนิด ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก

Share