คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4812/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประเด็นที่ว่า โจทก์เป็นตัวแทนของจำเลยหรือไม่นั้น โจทก์ได้กล่าวไว้ในคำแก้อุทธรณ์ แต่ศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยให้ ศาลฎีกาจึงเห็นสมควรวินิจฉัยไปเลยโดยไม่ย้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยก่อน
พฤติการณ์ระหว่างโจทก์จำเลยที่โจทก์เป็นผู้จัดส่งสินค้าให้จำเลยโดยเป็นผู้ติดต่อสายการบินทำการชนส่งให้ ติดต่อเกี่ยวกับพิธีการศุลกากร เป็นการกระทำแทนจำเลยทั้งสิ้นมิใช่กระทำในนามของโจทก์เองโดยตรง ใบตราส่งซึ่งเป็นของสายการบินก็ระบุว่าจำเลยในนามโจทก์เป็นผู้ส่งของ รายการในใบเสร็จรับเงินที่โจทก์เรียกเก็บเงินจากจำเลยก็ได้ระบุค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่จ่ายแทนจำเลยไว้ว่า มีค่าระวางสินค้าทางอากาศ ค่าล่วงเวลาศุลกากร/เปิดศุลกสถานค่าอากร ค่านายตรวจ ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ค่าธรรมเนียมคลังสินค้าค่ารถบรรทุกและอื่น ๆ แยกต่างหากจากค่าบริการของโจทก์ ยิ่งแสดงให้เห็นชัดว่าโจทก์คิดแต่เพียงค่าบริการในการจัดส่งสินค้าให้จำเลยเท่านั้น มิได้คิดค่าระวางพาหนะในฐานะเป็นผู้ขนส่งแต่อย่างใดลักษณะการประกอบกิจการของโจทก์ดังกล่าวเป็นการ ให้บริการในการจัดส่งสินค้ายิ่งกว่าเป็นผู้ขนส่งเสียเอง เพราะไม่มีการกระทำอันแสดงว่าโจทก์ตกลงขนของหรือสินค้าไปส่งให้แก่ผู้รับตราส่งเพื่อบำเหน็จซึ่งได้แก่ค่าระวางพาหนะ และโจทก์ได้ออกใบตราส่งเองแต่อย่างใดความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์จำเลยมีลักษณะเป็นสัญญาตัวแทนมิใช่รับขน ทั้งโจทก์ไม่ได้ทำการชี้ช่องให้จำเลยเข้าทำสัญญากับผู้ใด และไม่ได้จัดการให้จำเลยได้ทำสัญญากับผู้ใดด้วยการกระทำของโจทก์ จึงไม่เข้าลักษณะนายหน้า ตาม ป.พ.พ. มาตรา 845 การที่สินค้าของจำเลยสูญหาย เสียหายหรือถึงที่หมายล่าช้าเนื่องจากการขนส่งของสายการบินโดยไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความประมาทเลินเล่อของโจทก์ โจทก์จึงไม่ต้องรับผิดชอบจำเลยต้องชดใช้เงินทดรองและค่าใช้จ่ายที่โจทก์ได้ออกไปเนื่องในการจัดทำกิจการ แก่โจทก์พร้อมทั้งบำเหน็จตามสัญญา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อประมาณเดือนธันวาคม ๒๕๒๘ จำเลยได้มอบหมายให้โจทก์เป็นผู้ดำเนินการติดต่อจัดส่งสินค้าจากประเทศไทยไปยังประเทศบรูไน โดยทางเครื่องบินจำนวน ๒ หีบห่อ โจทก์ได้ดำเนินการให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โจทก์จ่ายเงินทดรองเป็นค่าระวางขนส่งสินค้าทางอากาศ และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ แทนจำเลย กับทั้งโจทก์ขอเรียกเก็บค่าบริการของโจทก์ด้วย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๑๒,๕๔๕ บาท จำเลยมีหน้าที่จะต้องชำระเงินจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์ ขอให้จำเลยชำระเงินจำนวน ๑๒,๕๔๕ บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันผิดนัดไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า จำเลยได้มอบหมายให้โจทก์ติดต่อส่งสินค้าของจำเลยจากประเทศไทยไปยังประเทศบรูไน โดย ทางเครื่องบินจริงแต่สินค้าที่โจทก์จัดส่งนั้นไปถึงประเทศบรูไน ล่าช้ากว่ากำหนดและสินค้าบางอย่างแตกหัก และสูญหายเป็นจำนวนมาก การที่สินค้าส่งไปล่าช้ากว่ากำหนด ทำให้จำเลยไม่สามารถขายสินค้าให้แก่ลูกค้าได้และทำให้จำเลยได้รับความเสียหาย โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าใช้จ่ายในการส่งสินค้า ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระเงิน ๑๒,๕๔๕ บาทแก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันที่ ๘กุมภาพันธ์ ๒๕๒๙ ไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าเมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๒๘ โจทก์ได้จัดส่งสินค้าของจำเลยจากประเทศไทยไปยังประเทศบรูไน โดย ทางเครื่องบินของสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ ตามใบตราส่งเอกสารหมาย ล.๑๑โจทก์ได้จ่ายเงินทดรองเป็นค่าระวางขนส่งสินค้า และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ แทนจำเลยไปจำนวน ๑๒,๓๔๕ บาท และค่าบริการของโจทก์อีก ๒๐๐ บาท รวมเป็นเงิน ๑๒,๕๔๕ บาท ตามใบเสร็จรับเงินเอกสารหมาย ล.๑๓ ตามหมายกำหนดการสินค้าของจำเลยจะไปถึงประเทศบรูไน ใน วันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๒๘ แต่ปรากฏว่าสินค้าไปถึงประเทศบรูไน เมื่อวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๒๘ อันเป็นการล่าช้ากว่ากำหนด
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่าโจทก์มิได้เป็นผู้รับขนส่งสินค้าให้แก่จำเลยดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย หากแต่เป็นนายหน้าหรือตัวแทนของจำเลย จำเลยจึงต้องรับผิดชดใช้เงินทดรองและค่าใช้จ่ายให้แก่โจทก์หรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้นปรากฏว่า โจทก์ไม่ได้ทำการชี้ช่องให้จำเลยเข้าทำสัญญากับผู้ใด และไม่ได้จัดการให้จำเลยได้ทำสัญญากับผู้ใดด้วย การกระทำของโจทก์จึงไม่เข้าลักษณะนายหน้า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๘๔๕ ส่วนข้อที่โจทก์อ้างว่า โจทก์เป็นตัวแทนของจำเลยนั้น ประเด็นนี้โจทก์ได้กล่าวไว้ในคำแก้อุทธรณ์ แต่ศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยให้ จึงเห็นสมควรวินิจฉัยไปเลยโดยไม่ย้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยก่อน เห็นว่า พฤติการณ์ระหว่างโจทก์จำเลยที่โจทก์เป็นผู้จัดส่งสินค้าให้จำเลยโดยเป็นผู้ติดต่อสายการบินทำการขนส่งให้ติดต่อเกี่ยวกับพิธีการศุลกากร เป็นการกระทำแทนจำเลยทั้งสิ้นมิใช่กระทำในนามของโจทก์เองโดยตรง ดังจะเห็นได้จากใบตราส่งเอกสารหมาย ล.๑๑ ซึ่งเป็นของสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ ระบุว่าจำเลยในนามโจทก์เป็นผู้ส่งของทั้งรายการในใบเสร็จรับเงินเอกสารหมาย ล.๑๓ ที่โจทก์เรียกเก็บเงินจากจำเลยเกี่ยวกับการจัดส่งสินค้าคดีนี้ ก็ได้ระบุค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่จ่ายแทนจำเลยไว้ว่า มีค่าระวางสินค้าทางอากาศค่าล่วงเวลาศุลกากร / เปิดศุลกสถาน ค่าอากรค่านายตรวจ ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ค่าธรรมเนียมคลังสินค้า ค่ารถบรรทุกและอื่น ๆ แยกต่างหากจากค่าบริการของโจทก์ ยิ่งแสดงให้เห็นชัดว่าโจทก์คิดแต่เพียงค่าบริการในการจัดส่งสินค้าให้จำเลยเท่านั้น มิได้คิดค่าระวางพาหนะในฐานะเป็นผู้ขนส่งแต่อย่างใด ลักษณะการประกอบกิจการของโจทก์ดังกล่าวเป็นการให้บริการในการจัดส่งสินค้ายิ่งกว่าเป็นผู้ขนส่งเสียเอง เพราะไม่มีการกระทำอันแสดงว่า โจทก์ตกลงขนของหรือสินค้าไปส่งให้แก่ผู้รับตราส่งเพื่อบำเหน็จ ซึ่งได้แก่ค่าระวางพาหนะ และโจทก์ได้ออกใบตราส่งเองแต่อย่างใด ความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์จำเลยมีลักษณะเป็นสัญญาตัวแทน มิใช่รับขน การที่สินค้าของจำเลยสูญหายเสียหายหรือถึงที่หมายล่าช้าเนื่องจากการขนส่งของสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ โดยไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความประมาทเลินเล่อของโจทก์ โจทก์จึงไม่ต้องรับผิดชอบ จำเลยต้องชดใช้เงินทดรองและค่าใช้จ่ายที่โจทก์ได้ออกไปเนื่องในการจัดทำกิจการแก่โจทก์พร้อมทั้งบำเหน็จตามสัญญา
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share