แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเห็นผู้ตายซึ่งเป็นสามีนำส.ภริยาน้อยและบุตรมาอยู่ในบ้านเรือนเดียวกันจำเลยย่อมมีความหึงหวงและเป็นการหยามเกียรติเมื่อจำเลยห้ามปรามผู้ตายก็ไม่ยอมกลับดื้อรั้นจะให้อยู่ร่วมด้วยปราศจากความยำเกรงทั้งยังจะเข้าทำร้ายการกระทำของผู้ตายเป็นการกระทบกระเทือนต่อจิตใจของจำเลยผู้เป็นภริยาอย่างยิ่งย่อมเหลือวิสัยที่จำเลยผู้เป็นภริยาจะอดกลั้นโทสะไว้ได้จึงได้ใช้มีดแทงผู้ตายในทันทีทันใดที่ผู้ตายจะเข้าทำร้ายพฤติการณ์เช่นนี้นับได้ว่าเป็นการกระทำที่ถูกกดขี่ข่มเหงในทางจิตใจของจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมเป็นกระทำความผิดโดยบันดาลโทสะ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 72 จำคุก 6 ปี จำเลยเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน เป็นการลุแก่โทษ มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งให้สามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 4 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นได้ความเป็นยุติว่านายหนุ่น สุขใส ผู้ตาย เป็นสามีจำเลยซึ่งพักอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 36 หมู่ 7 ตำบลโคกสะอาด อำเภอหนองแซง จังหวัดสระบุรีเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2535 เวลาประมาณ 13 นาฬิกา ผู้ตายได้พานางสังเวียน มโนทัย ภริยาน้อยพร้อมบุตรมาพักอาศัยที่บ้านดังกล่าว จำเลยไม่ยอม ได้เกิดทะเลาะกัน แต่ผู้ตายก็ยังคงให้นางสังเวียนพร้อมบุตรพักอาศัย วันเดียวกันเวลาประมาณ19 นาฬิกา ผู้ตายกับจำเลยได้ทะเลาะและทำร้ายกันด้วยเรื่องที่ผู้ตายนำนางสังเวียนมาอยู่บ้านเดียวกันอีก จากนั้นผู้ตายออกจากบ้านไป รุ่งเช้ามีผู้พบศพผู้ตายถูกแทงที่ชายโครงด้านซ้ายนอนตายอยู่กลางทางเข้าบ้านของผู้ตายห่างจากบ้านเกิดเหตุประมาณ50 เมตร ปัญหาตามที่โจทก์ฎีกามีว่า จำเลยเป็นคนร้ายฆ่าผู้ตายหรือไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงเชื่อว่า จำเลยใช้มีดปลายแหลมเป็นอาวุธแทงผู้ตายโดยเจตนาฆ่า แต่เห็นว่าตามพฤติการณ์แห่งคดีที่จำเลยเห็นผู้ตายนำนางสังเวียนภริยาน้อยและบุตรมาอยู่ในบ้านเรือนเดียวกัน จำเลยย่อมมีความหึงหวงและเป็นการหยามเกียรติเมื่อจำเลยห้ามปรามผู้ตายก็ไม่ยอม กลับดื้อรั้น จะให้อยู่ร่วมด้วยปราศจากความยำเกรงทั้งยังจะเข้าทำร้าย การกระทำของผู้ตายเป็นการกระทบกระเทือนต่อจิตใจของจำเลยผู้เป็นภริยาอย่างยิ่งย่อมเหลือวิสัยที่จำเลยผู้เป็นภริยาจะอดกลั้นโทสะไว้ได้จึงได้ใช้มีดแทงผู้ตายในทันทันใดที่ผู้ตายจะเข้าทำร้าย พฤติการณ์เช่นนี้นับได้ว่าเป็นการกระทำที่ถูกกดขี่ข่มเหง ในทางจิตใจของจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม ซึ่งเป็นเหตุอันควรปรานีสมควรรอการลงโทษจำเลยและคุมความประพฤติจำเลยไว้เพื่อให้โอกาสจำเลยได้กลับตัวเป็นพลเมืองดีต่อไป
พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 72 ลงโทษจำคุก 2 ปี แต่ให้รอการลงโทษไว้ 4 ปี โดยกำหนดเงื่อนไขคุมความประพฤติให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 6 เดือนต่อหนึ่งครั้ง ตลอดระยะเวลาที่ศาลรอการลงโทษไว้นั้น