คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4804/2552

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ตามหนังสือสัญญากู้เงินพิเศษ ข้อ 10 และหนังสือสัญญากู้เงินสามัญ ข้อ 7 ดังกล่าว มีข้อความทำนองเดียวกันว่า “ข้าพเจ้ายินยอมให้นำเงินค่าหุ้นทั้งหมดที่มีอยู่ในสหกรณ์ออมทรัพย์ครูศรีสะเกษ จำกัด ทั้งหมดในขณะนี้และเงินค่าหุ้นที่จะมีเพิ่มขึ้นอีกต่อไปในภายหน้ามาจำนำกับสหกรณ์ออมทรัพย์ศรีสะเกษ จำกัด เพื่อเป็นการค้ำประกันเงินกู้ตามหนังสือนี้ และในกรณีที่หนี้ถึงกำหนดชำระตามที่กล่าวในข้อ 5 หรือหากมีการบังคับคดีใดๆ ก็ตาม ข้าพเจ้ายินยอมให้สหกรณ์โอนเงินค่าหุ้นของข้าพเจ้าที่จำนำไว้เป็นประกันนี้ชำระหนี้เงินกู้ของข้าพเจ้าที่มีอยู่ต่อสหกรณ์ออมทรัพย์ศรีสะเกษ จำกัด ได้ทันที โดยไม่ต้องนำเงินค่าหุ้นที่จำนำนี้ออกขายทอดตลาดแต่อย่างใดและให้ถือว่าในข้อนี้เป็นการจดแจ้งการจำนำหุ้นตลอดทั้งให้หนังสือกู้ฉบับนี้เป็นสมุดทะเบียนการจำนำหุ้นด้วย” ข้อตกลงดังกล่าวมีความหมายชัดเจนในเรื่องเกี่ยวกับเงินค่าหุ้น โดยจำเลยยอมให้เงินค่าหุ้นของจำเลยที่มีอยู่แล้วและที่เพิ่มขึ้นในภายหน้าเป็นจำนำแก่ผู้คัดค้านเพื่อเป็นการค้ำประกันเงินกู้ตามหนังสือสัญญากู้เงินพิเศษและหนังสือสัญญากู้เงินสามัญ รวมทั้งให้สิทธิแก่ผู้คัดค้านโอนเงินค่าหุ้นของจำเลยที่จำนำไว้ดังกล่าวชำระหนี้เงินกู้ของจำเลยที่มีต่อผู้คัดค้านได้ มิใช่เป็นข้อตกลงในเรื่องเกี่ยวกับเงินปันผลอันเป็นส่วนหนึ่งของกำไรที่ผู้คัดค้านจะต้องจ่ายแก่จำเลยผู้คัดค้านจึงไม่อาจนำเงินปันผลที่จำเลยมีสิทธิจะได้รับจากผู้คัดค้านไปหักชำระหนี้เงินกู้ที่จำเลยมีอยู่ต่อผู้คัดค้านโดยอาศัยข้อตกลงดังกล่าว เมื่อผู้คัดค้านได้รับคำสั่งอายัดเงินปันผลดังกล่าวจากเจ้าพนักงานบังคับคดีแล้ว ผู้คัดค้านจึงไม่มีสิทธินำเงินปันผลที่จำเลยมีสิทธิจะได้รับดังกล่าวไปหักชำระหนี้ที่จำเลยมีอยู่ต่อผู้คัดค้าน

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความโดยจำเลยยอมชำระเงินจำนวน 30,000 บาท แก่โจทก์ โดยผ่อนชำระเป็นรายงวดและจะชำระให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 28 พฤษภาคม 2551 หากผิดนัดงวดหนึ่งงวดใดให้ถือว่าผิดนัดทั้งหมดและยอมชำระเงินตามฟ้องจำนวน 52,500 บาท แก่โจทก์ จำเลยไม่ปฏิบัติตามยอม โจทก์ขอให้ออกหมายบังคับคดี เจ้าพนักงานบังคับคดีได้มีคำสั่งอายัดเงินปันผลและเงินเฉลี่ยคืน และเงินค่าหุ้นเมื่อพ้นจกาสมาชิกของจำเลยไปยังผู้คัดค้าน ผู้คัดค้านมีหนังสือแจ้งมายังเจ้าพนักงานบังคับคดีว่า จำเลยผิดนัดชำระหนี้แก่ผู้คัดค้าน จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินปันผลและเงินเฉลี่ยคืน ตามหนังสือสำนักงานสหกรณ์ออมทรัพย์ครูศรีสะเกษที่ สอ.ศก./17/2550 ลงวันที่ 21 พฤษภาคม 2550
โจทก์ยื่นคำร้องว่า จำเลยมีสิทธิได้รับเงินปันผลและเงินเฉลี่ยคืนตามที่อายัดแต่ผู้คัดค้านไม่ยอมส่งเงินดังกล่าวมายังเจ้าพนักงานบังคับคดี เพราะจะนำไปหักชำระหนี้ที่จำเลยมีอยู่แก่ผู้คัดค้าน ขอให้มีคำสั่งให้ผู้คัดค้านส่งเงินตามที่อายัด
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า จำเลยมีทุนเรือนหุ้นอยู่ที่ผู้คัดค้านแต่ได้จำนำประกันหนี้เงินกู้ที่จำเลยยืมไปจากผู้คัดค้าน ในทางบัญชีปี 2549 จำเลยมีสิทธิได้รับเงินปันผลและเงินเฉลี่ยคืน จำนวน 19,907 บาท ซึ่งผู้คัดค้านได้นำไปหักชำระหนี้ที่จำเลยได้จำนำหุ้นเป็นประกันเงินกู้กับผู้คัดค้าน ทั้งตามข้อบังคับของผู้คัดค้าน ข้อ 22 เมื่อจำเลยผิดนัดผิดสัญญา จำเลยก็ไม่มีสิทธิได้รับเงินเฉลี่ยคืน ผู้คัดค้านจึงไม่ต้องส่งเงินตามอายัด ขอให้ยกคำร้อง
ในวันนัดไต่สวนคำร้อง ศาลชั้นต้นสอบถามข้อเท็จจริงจากคู่ความและเจ้าพนักงานบังคับคดี แล้วมีคำสั่งว่าจำเลยไม่มีสิทธิได้รับเงินเฉลี่ยคืนแต่มีสิทธิได้รับเงินปันผล จึงให้ผู้คัดค้านแยกเงินจำนวน 19,907 บาท ว่าเป็นเงินปันผลจำนวนเท่าใดและเงินเฉลี่ยคืนจำนวนเท่าใดแล้วให้ส่งเงินปันผลดังกล่าวให้แก่เจ้าพนักงานบังคับคดี
ผู้คัดค้านอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้เถียงกันในชั้นนี้ฟังได้ว่า ศาลชั้นต้นพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความโดยจำเลยยอมชำระเงินจำนวน 30,000 บาท แก่โจทก์ โดยตกลงผ่อนชำระเป็นรายงวด และจะชำระให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 28 พฤษภาคม 2551 หากผิดนัดงวดหนึ่งงวดใดให้ถือว่าผิดนัดทั้งหมดและยอมชำระเงินตามฟ้องจำนวน 52,500 บาท แก่โจทก์ จำเลยไม่ปฏิบัติตามยอม โจทก์ขอให้ออกหมายบังคับคดี เจ้าพนักงานบังคับคดีได้มีคำสั่งอายัดเงินปันผลและเงินเฉลี่ยคืน และเงินค่าหุ้นเมื่อพ้นจากสมาชิกของจำเลยไปยังผู้คัดค้าน แต่ผู้คัดค้านได้นำเงินปันผลและเงินเฉลี่ยคืนที่จำเลยมีสิทธิได้รับจำนวน 19,907 บาท ไปหักชำระหนี้ที่จำเลยค้างชำระแก่ผู้คัดค้าน เมื่อคู่ความมิได้อุทธรณ์ปัญหาเกี่ยวกับเงินเฉลี่ยคืน คดีในส่วนเกี่ยวกับเงินเฉลี่ยคืนจึงเป็นอันยุติไป ตามคำสั่งของศาลชั้นต้นว่าจำเลยไม่มีสิทธิได้รับเงินเฉลี่ยคืนจากผู้คัดค้าน
คดีมีปัญหาข้อกฎหมายตามอุทธรณ์ของผู้คัดค้านในชั้นนี้แต่เพียงว่าผู้คัดค้านจะต้องส่งเงินปันผลตามคำสั่งอายัดแก่เจ้าพนักงานบังคับคดีหรือไม่ ผู้คัดค้านอุทธรณ์ว่า เงินจำนวน 19,907 บาท ที่จำเลยมีสิทธิจะได้รับจากผู้คัดค้านแยกเป็นเงินปันผลจำนวน 15,462.25 บาท ผู้คัดค้านได้นำไปหักชำระหนี้ที่จำเลยค้างชำระแก่ผู้คัดค้านตามหนังสือสัญญากู้เงินพิเศษ ข้อ 10 และหนังสือสัญญากู้เงินสามัญ ข้อ 7 นั้น เห็นว่า ตามหนังสือสัญญากู้เงินพิเศษ ข้อ 10 และหนังสือสัญญากู้เงินสามัญ ข้อ 7 ดังกล่าว มีข้อความทำนองเดียวกันว่า “ข้าพเจ้ายินยอมให้นำเงินค่าหุ้นทั้งหมดที่มีอยู่ในสหกรณ์ออมทรัพย์ครูศรีสะเกษ จำกัด ทั้งหมดในขณะนี้และเงินค่าหุ้นที่จะมีเพิ่มขึ้นอีกต่อไปในภายหน้ามาจำนำกับสหกรณ์ออมทรัพย์ครูศรีสะเกษ จำกัด เพื่อเป็นการค้ำประกันเงินกู้ตามหนังสือนี้ และในกรณีที่หนี้ถึงกำหนดชำระตามที่กล่าวในข้อ 5 หรือหากมีการบังคับคดีใดๆ ก็ตาม ข้าพเจ้ายินยอมให้สหกรณ์โอนเงินค่าหุ้นของข้าพเจ้าที่จำนำไว้เป็นประกันนี้ชำระหนี้เงินกู้ของข้าพเจ้าที่มีอยู่ต่อสหกรณ์ออมทรัพย์ครูศรีสะเกษได้ทันที โดยไม่ต้องนำเงินค่าหุ้นที่จำนำนี้ออกขายทอดตลาดแต่อย่างใดและให้ถือความในข้อนี้เป็นการจดแจ้งการจำนำหุ้นตลอดทั้งให้หนังสือกู้ฉบับนี้เป็นสมุดทะเบียนการจำนำหุ้นด้วย” ข้อตกลงดังกล่าวมีความหมายชัดเจนในเรื่องเกี่ยวกับเงินค่าหุ้น โดยจำเลยยอมให้เงินค่าหุ้นของจำเลยที่มีอยู่แล้วและที่เพิ่มขึ้นในภายหน้าเป็นจำนำแก่ผู้คัดค้านเพื่อเป็นการค้ำประกันเงินกู้ตามหนังสือสัญญากู้เงินพิเศษและหนังสือสัญญากู้เงินสามัญ รวมทั้งให้สิทธิแก่ผู้คัดค้านโอนเงินค่าหุ้นของจำเลยที่จำนำไว้ดังกล่าวชำระหนี้เงินกู้ของจำเลยที่มีต่อผู้คัดค้านได้ มิใช่เป็นข้อตกลงในเรื่องเกี่ยวกับเงินปันผลอันเป็นส่วนหนึ่งของกำไรที่ผู้คัดค้านจะต้องจ่ายแก่จำเลยผู้คัดค้านจึงไม่อาจนำเงินปันผลที่จำเลยมีสิทธิจะได้รับจากผู้คัดค้านไปหักชำระหนี้เงินกู้ที่จำเลยมีอยู่ต่อผู้คัดค้านโดยอาศัยข้อตกลงดังกล่าว เมื่อผู้คัดค้านได้รับคำสั่งอายัดเงินปันผลดังกล่าวจากเจ้าพนักงานบังคับคดีแล้ว ผู้คัดค้านจึงไม่มีสิทธินำเงินปันผลที่จำเลยมีสิทธิจะได้รับดังกล่าวไปหักชำระหนี้ที่จำเลยมีอยู่ต่อผู้คัดค้านที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้คัดค้านส่งเงินปันผลตามคำสั่งอายัดให้แก่เจ้าพนักงานบังคับคดีนี้ชอบแล้ว อุทธรณ์ของผู้คัดค้านฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง ศาลชั้นต้นมิได้มีคำสั่งในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาสมควรมีคำสั่งให้ถูกต้อง”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นและในชั้นนี้ให้เป็นพับ

Share