แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ตายเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 รัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงคมนาคมกระทรวงคมนาคมมีนโยบายให้แข่งกีฬาสำหรับหน่วยงานภายใน จำเลยที่ 2 ได้รับนโยบายดังกล่าวมาปฏิบัติและมอบให้ผู้ตายเป็นผู้ควบคุมการฝึกซ้อมและลงเป็นคู่ซ้อมทีมแบดมินตันของจำเลยที่ 2 การที่ผู้ตายได้ปฏิบัติตามที่จำเลยที่ 2 สั่งและมอบหมายจึงเป็นการทำงานให้แก่จำเลยที่ 2 เมื่อผู้ตายถึงแก่ความตายในขณะควบคุมและฝึกซ้อมกีฬาแบดมินตันให้แก่จำเลยที่ 2 จึงเป็นการตายเนื่องจากการทำงานให้แก่จำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1 จึงมีหน้าที่ต้องจ่ายค่าทดแทนให้แก่โจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นภริยาของนายวีระพงศ์ สงวนสัตย์ ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๑ เป็นผู้บังคับบัญชาสำนักงานกองทุนเงินทดแทนมีหน้าที่วินิจฉัยสั่งจ่ายเงินทดแทนให้แก่ลูกจ้าง จำเลยที่ ๒ ได้มีคำสั่งและมอบหมายหน้าที่ให้นายวีระพงศ์เป็นผู้ควบคุมทีมแบดมินตัน เพื่อเข้าแข่งขันระหว่างหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม เมื่อวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๒๑ นายวีระพงศ์ได้ควบคุมการฝึกซ้อมและลงเป็นคู่ซ้อมทีมแบดมินตันตามที่จำเลยที่ ๒ สั่งและมอบหมาย แล้วเกิดอุบัติเหตุเจ็บป่วยจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายในวันนั้น โจทก์ได้ยื่นคำร้องเรียกเงินทดแทนและอุทธรณ์คำวินิจฉัยของสำนักงานกองทุนเงินทดแทนต่อจำเลยที่ ๑ ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน จำเลยที่ ๑ ไม่ยอมจ่าย ก่อนถึงแก่ความตายนายวีระพงศ์ได้รับค่าจ้างเดือนละ ๕,๗๘๕ บาท โจทก์มีสิทธิได้รับเงินทดแทนร้อยละ ๖๐ ของค่าจ้างรายเดือนแต่ไม่เกินเดือนละ ๓,๐๐๐ บาท มีกำหนด ๕ ปี เป็นเงิน ๑๘๐,๐๐๐ บาท ขอให้ศาลบังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินให้แก่โจทก์ ๑๘๐,๐๐๐ บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระให้แก่โจทก์เสร็จ
จำเลยทั้งสองให้การทำนองเดียวกันว่า ผู้ตายไม่มีหน้าที่เกี่ยวกับด้านกีฬาจำเลยที่ ๒ มีคำสั่งให้ผู้ตายทำหน้าที่ควบคุมทีมแบดมินตันจริง ผู้ตายมิได้ตายเนื่องจากการทำงานให้จำเลยที่ ๒ แต่ถึงแก่ความตายเนื่องจากการเล่นกีฬาให้แก่สมาคมสโมสร ร.ส.พ. ซึ่งเป็นนิติบุคคลต่างหากจากจำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๒ จึงไม่ต้องจ่ายเงินทดแทนให้แก่โจทก์ และการจ่ายเงินทดแทนเป็นหน้าที่ของจำเลยที่ ๑ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ผู้ตายถึงแก่ความตายในขณะควบคุมและฝึกซ้อมกีฬาแบดมินตันให้แก่จำเลยที่ ๒ เป็นการตายเนื่องจากการทำงานให้แก่จำเลยที่ ๒ การจ่ายเงินทดแทนเป็นหน้าที่ของจำเลยที่ ๑ พิพากษาให้จำเลยที่ ๑ จ่ายค่าทดแทนให้แก่โจทก์เป็นเงิน ๖๙,๔๒๐ บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ ให้จำเลยที่ ๑ ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้ ๑,๒๐๐ บาท ให้ยกฟ้องจำเลยที่ ๒ ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ ๑ จ่ายค่าทดแทนแก่โจทก์ ๖๐,๐๐๐ บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จและให้จำเลยที่ ๑ ใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ ๑,๐๐๐ บาทแทนโจทก์นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ถึงแม้ตำแหน่งของนายวีระพงศ์ตามปกติไม่มีหน้าที่เกี่ยวกับการกีฬาก็ตามแต่เมื่อกระทรวงคมนาคมมีนโยบายให้แข่งขันกีฬาสำหรับงานภายในสังกัดกระทรวงคมนาคม เนื่องจากมีวัตถุประสงค์ดังกล่าวแล้ว จำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจในสังกัด ได้รับนโยบายดังกล่าวมาปฏิบัติ จึงถือได้ว่าเป็นงานของจำเลยที่ ๒ ด้วยส่วนหนึ่ง การที่จำเลยที่ ๒ มีคำสั่งและมอบหมายให้นายวีระพงศ์เป็นผู้ควบคุมการฝึกซ้อมและลงเป็นคู่ซ้อมทีมแบดมินตันของจำเลยที่ ๒ นายวีระพงศ์ได้ปฏิบัติตามที่จำเลยที่ ๒ สั่งและมอบหมาย จึงเป็นการทำงานให้แก่จำเลยที่ ๒ การตายของนายวีระพงศ์ จึงเป็นการตายเนื่องจากการทำงานให้แก่จำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๑ จึงมีหน้าที่ต้องจ่ายค่าทดแทนให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นภริยาของนายวีระพงศ์ตามกฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองแรงงาน
พิพากษายืน