แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เหตุที่ใบอนุญาตตั้งโรงงานแปรรูปไม้ด้วยเครื่องจักรของห้างจำเลยถูกสั่งพักใช้และถูกสั่งให้เพิกถอนก็เนื่องมาจากหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยกระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ มิใช่เป็นความผิดของทางราชการ ดังนั้น การที่คนงานทั้งหมดต้องออกจากงานจึงเป็นการกระทำของจำเลยและถือได้ว่าจำเลยเลิกจ้างคนงานทั้งหมดตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 103
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นเจ้าของโรงเลื่อยจักรเขมราฐ ส. กับพวกเป็นลูกจ้างประจำของจำเลย ทำงานในโรงเลื่อยจักรเขมราฐติดต่อกันครบหนึ่งปี แต่ไม่ครบสามปี ซึ่งถ้าเลิกจ้างจำเลยจะต้องจ่ายค่าชดเชยให้ไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้ายเก้าสิบวัน จำเลยได้เลิกจ้างโดยให้ ส. กับพวกออกจากงานแต่จำเลยไม่จ่ายค่าชดเชยให้ เป็นการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งออกตามความในข้อ 2 แห่งประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 103 ขอให้ลงโทษตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 103 ลงวันที่ 16 มีนาคม 2515 ข้อ 2, 8
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยไม่อาจดำเนินกิจการต่อไปได้เพราะทางราชการสั่งเพิกถอนใบอนุญาตตั้งโรงงานแปรรูปไม้ด้วยเครื่องจักร การเลิกจ้างจึงไม่ใช่ความผิดของจำเลยพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 103 ลงวันที่ 16 มีนาคม 2515 ข้อ 2(5), 8 ลงโทษปรับจำเลย 5,000 บาท
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีมีคำสั่งพักใช้ใบอนุญาตตั้งโรงงานแปรรูปไม้ด้วยเครื่องจักรของจำเลย และต่อมารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีคำสั่งให้เพิกถอนใบอนุญาตดังกล่าว เป็นเหตุให้โรงเลื่อยจักรเขมราฐต้องเลิกประกอบกิจการและคนงานทั้งหมดรวมทั้ง ส. กับพวกต้องออกจากงานนั้นเหตุที่ใบอนุญาตดังกล่าวถูกสั่งพักใช้และถูกสั่งให้เพิกถอนก็เนื่องมาจาก บ.หุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยกระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ มิใช่เป็นความผิดของทางราชการการที่ ส. กับพวกต้องออกจากงานจึงเป็นการกระทำของจำเลย และถือได้ว่าจำเลยเลิกจ้าง ส. กับพวกแล้วฝ่าฝืนไม่จ่ายค่าชดเชยให้ตามอัตราที่กระทรวงมหาดไทยได้กำหนดโดยอาศัยอำนาจตามความในข้อ 2(5) แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 103 จำเลยจึงต้องมีความผิดตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับดังกล่าวข้อ 8
พิพากษายืน