คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4786/2549

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

การฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตร ป.พ.พ. มาตรา 1556 วรรคสาม บัญญัติว่า ในกรณีที่เด็กบรรลุภาวะแล้วจะต้องฟ้องคดีภายใน 1 ปี นับแต่วันบรรลุนิติภาวะ ปรากฏตามสูติบัตรและสำเนาทะเบียนบ้านว่า ผู้ร้องเกิดเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2512 ผู้ร้องยื่นคำร้องคดีนี้เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2546 ขณะผู้ร้องมีอายุได้ 34 ปี จึงเป็นการยื่นคำร้องขอเมื่อพ้นกำหนด 1 ปี นับแต่วันบรรลุนิติภาวะ คดีของผู้ร้องจึงขาดอายุความ แม้ผู้ร้องจะอ้างว่าผู้ตายไม่เคยปฏิเสธว่าผู้ร้องมิใช่บุตรไม่มีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ตามกฎหมายจนเมื่อผู้ตายถึงแก่ความตายแล้ว ผู้ร้องไปติดต่อขอรับเงินสงเคราะห์ครอบครัวสมาชิกคุรุสภา (ช.พ.ค.) แต่เจ้าหน้าที่ไม่ดำเนินการให้ อ้างว่าไม่มีหลักฐานแสดงว่าผู้ร้องเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย นับเป็นเหตุขัดข้องโดยเพิ่งเกิดการโต้แย้งสิทธิของผู้ร้อง ผู้ร้องจึงต้องใช้สิทธิทางศาลขอให้มีคำสั่งว่าผู้ร้องเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายตาม ป.วิ.พ. มาตรา 55 ก็ตาม แต่การใช้สิทธิทางศาลของผู้ร้องก็ยังต้องอยู่ภายใต้บังคับบทบัญญัติเรื่องอายุความดังกล่าวด้วย ผู้ร้องจะอ้างว่าผู้ร้องเพิ่งถูกโต้แย้งสิทธิ คดียังไม่ขาดอายุความหาได้ไม่

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า ผู้ร้องเป็นบุตรนายตัน แหวนเงิน ผู้ตายกับนางละออ เปลื้องป่าย ซึ่งอยู่กินกันฉันสามีภริยาตั้งแต่ปี 2509 โดยมิได้จดทะเบียนสมรส มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 2 คน คือ ผู้ร้องและผู้คัดค้าน ผู้ตายอุปการะเลี้ยงดูผู้ร้องและรับรองว่าผู้ร้องเป็นบุตรต่อสาธารณชน แม้ต่อมาภายหลังผู้ตายแยกทางกับนางละออ แต่ก็ยังคงอุปการะเลี้ยงดูผู้ร้องตลอดมา ขอให้ศาลมีคำสั่งว่าผู้ร้องเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ผู้คัดค้านเป็นบุตรของนายตัน แหวนเงิน ผู้ตายกับนางละออ เปลื้องป่าย บิดามารดามิได้จดทะเบียนสมรสกัน ผู้ตายจดทะเบียนรับรองผู้คัดค้านเป็นบุตร ผู้ตายมิได้เป็นผู้แจ้งการเกิดของผู้ร้องด้วยตนเอง และมิได้จัดให้มีการแจ้งการเกิดหรือยินยอมให้มีการแจ้งการเกิดของผู้ร้องแต่อย่างใด นอกจากนี้ ตามสำเนาสูติบัตรของผู้ร้องระบุว่า ผู้ร้องเกิดเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2512 ขณะที่ผู้คัดค้านเกิดเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2511 ซึ่งเป็นเวลาห่างกันเพียง 5 เดือน ผู้ตายจึงมิอาจเป็นบิดาของผู้ร้องได้ ผู้ตายและนางละออแยกทางกันประมานเดือนเมษายน 2512 แล้วนางละออพาผู้คัดค้านไปอาศัยอยู่ที่จังหวัดนครพนมโดยที่ผู้ตายไม่เคยมาหรืออยู่กินกับนางลออและไม่เคยส่งเสียผู้ร้อง ทั้งมิได้มีพฤติการณ์ใดๆ ที่ผู้ตายแสดงว่าผู้ร้องเป็นบุตร คำร้องขอของผู้ร้องขาดอายุความ ขอให้ยกคำร้องขอ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกคำร้องขอ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องประการแรกว่า คดีของผู้ร้องขาดอายุความหรือไม่ เห็นว่า การฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตร ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1556 วรรคสาม บัญญัติว่า ในกรณีที่เด็กบรรลุนิติภาวะแล้วจะต้องฟ้องคดีภายใน 1 ปี นับแต่วันบรรลุนิติภาวะ ปรากฏตามสูติบัตรและสำเนาทะเบียนบ้านว่าผู้ร้องเกิดเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2512 ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเมื่อพ้นกำหนด 1 ปี นับแต่วันบรรลุนิติภาวะ คดีของผู้ร้องจึงขาดอายุความ แม้ผู้ร้องจะอ้างว่าผู้ตายไม่เคยปฏิเสธว่าผู้ร้องมิใช่บุตร ไม่มีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ตามกฎหมาย จนเมื่อผู้ตายถึงแก่ความตายแล้วผู้ร้องไปติดต่อขอรับเงินสงเคราะห์ครอบครัวสมาชิกคุรุสภา (ช.พ.ค.) แต่เจ้าหน้าที่ไม่ดำเนินการให้อ้างว่าไม่มีหลักฐานแสดงว่าผู้ร้องเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย นับเป็นเหตุขัดข้องโดยเพิ่งเกิดการโต้แย้งสิทธิของผู้ร้อง ผู้ร้องจึงต้องใช้สิทธิทางศาลขอให้ศาลมีคำสั่งว่าผู้ร้องเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 ก็ตาม แต่การใช้สิทธิทางศาลของผู้ร้องก็ยังต้องอยู่ภายใต้บังคับบทบัญญัติเรื่องอายุความดังกล่าวด้วย ผู้ร้องจะอ้างว่าผู้ร้องเพิ่งถูกโต้แย้งสิทธิ คดียังไม่ขาดอายุความหาได้ไม่ คดีจึงไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของผู้ร้องในปัญหาว่า ผู้ร้องเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายหรือไม่ เพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลงไป ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share