คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 478/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

สัญญาโอนหุ้นระหว่างผู้ร้องกับ ก. มีกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทจำเลยลงชื่อเป็นพยานพร้อมทั้งประทับตราสำคัญของบริษัทแม้จะไม่มีการจดแจ้งการโอนทั้งชื่อ และสำนักงานผู้รับโอนนั้นลงในทะเบียนผู้ถือหุ้นก็อาจนำการโอนหุ้นนั้นมาใช้ยันบริษัทจำเลยได้ไม่เป็นกรณีที่ต้องตก อยู่ ในบังคับของมาตรา 1129 วรรคสาม ความรับผิดของผู้โอนสำหรับจำนวนเงินในมูลค่าหุ้นที่ยังส่งใช้ไม่ครบตาม ป.พ.พ. มาตรา 1133 หมายถึงความรับผิดต่อเจ้าหนี้ของบริษัทที่ผู้โอนเคยถือหุ้นอยู่ หาได้หมายถึงว่าผู้โอนยังต้องรับผิดในมูลค่าหุ้นที่ยังส่งใช้ไม่ครบต่อบริษัททั้งที่ได้โอนหุ้นนั้นไปและนำการโอนหุ้นนั้นมาใช้อ้างแก่บริษัทได้ตามมาตรา 1129วรรคสามไม่.

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้มีหนังสือแจ้งให้ผู้ร้องชำระหนี้ค่าหุ้นที่ยังส่งไม่ครบจำนวน 320,300 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีผู้ร้องจึงปฏิเสธหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่า เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2524 ผู้ร้องได้โอนขายหุ้นดังกล่าว จำนวน 6,406 หุ้น หุ้นละ 100 บาท ชำระแล้วร้อยละ 50 ของมูลค่า ให้นายกิตติศักดิ์ สืบวิเศษ ต่อมานายกิตติศักดิ์ผิดสัญญา ผู้ร้องจึงฟ้องแล้วศาลพิพากษาตามยอมให้นายกิตติศักดิ์ชำระเงินค่าหุ้นให้ผู้ร้องเป็นงวด ๆ โดยผู้ร้องจะต้องโอนหุ้นให้นายกิตติศักดิ์ตามสัญญา เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้ว จึงมีหนังสือยืนยันหนี้ให้ผู้ร้องชำระเงินค่าหุ้นที่ยังส่งใช้ไม่ครบดังกล่าว ผู้ร้องเห็นว่าการโอนหุ้นระหว่างผู้ร้องและนายกิตติศักดิ์เป็นการโอนตามสัญญายอมความ มิใช่การโอนหุ้นตามแบบธรรมดาสามัญ แม้จะมิได้จดแจ้งลงในทะเบียนผู้ถือหุ้นก็ย่อมใช้ยันบริษัทหรือบุคคลภายนอก รวมทั้งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ ผู้ร้องจึงไม่มีความรับผิดต้องชำระค่าหุ้นที่ยังส่งไม่ครบตามที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีหนังสือยืนยันหนี้ ขอให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายชื่อผู้ร้องออกจากบัญชีลูกหนี้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์คัดค้านว่า แม้การโอนหุ้นระหว่างผู้ร้องกับนายกิตติศักดิ์ สืบวิเศษ จะเป็นการโอนตามสัญญายอมความแก่ก็เป็นผลสืบเนื่องจากการที่มีการตกลงซื้อขายกันไว้ก่อน จึงอยู่ภายใต้บังคับมาตรา 1129 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่บัญญัติว่า ต้องมีการจดแจ้งการโอนลงในทะเบียนผู้ถือหุ้น กรณีของผู้ร้องมิได้มีการจดแจ้งการโอนทั้งชื่อและสำนักของผู้รับโอนลงในทะเบียนผู้ถือหุ้น การโอนดังกล่าวจึงมีผลผูกพันระหว่างผู้โอนและผู้รับโอนเท่านั้น จะนำมาใช้ยันบริษัทหรือบุคคลภายนอกรวมทั้งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ได้ ผู้ร้องจึงยังมีความรับผิดต้องชำระค่าหุ้นที่ค้างให้แก่กองทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ขอให้ยกคำร้องและให้ผู้ร้องชำระเงินค่าหุ้นจำนวน 320,300 บาท พร้อมดอกเบี้ย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายชื่อผู้ร้องจากบัญชีลูกหนี้ของบริษัทจำเลยที่ 1
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ผู้ร้องชำระหนี้ค่าหุ้นที่ยังค้างชำระจำนวนเงิน 320,300 บาท พร้อมดอกเบี้ย
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ยุติตามที่คู่ความรับกันในชั้นฎีกาว่าผู้ร้องได้โอนขายหุ้นพิพาทให้แก่นายกิตติศักดิ์สืบวิเศษ ตามสัญญาซื้อขายหุ้นเอกสารหมาย ร.2 ต่อมานายกิตติศักดิ์ผิดสัญญา ผู้ร้องจึงฟ้องนายกิตติศักดิ์เป็นจำเลย ศาลได้พิพากษาตามยอมให้นายกิตติศักดิ์ชำระเงินค่าหุ้นตามสัญญาซื้อขาย แต่นายกิตติศักดิ์ผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามยอม ผู้ร้องจึงขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีต่อมาเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2528ผู้ร้อง นายกิตติศักดิ์และกรรมการของบริษัทจำเลยที่ 1 ไปเจรจากันที่กรมบังคับคดี นายกิตติศักดิ์วางเงื่อนไขให้ผู้ร้องโอนหุ้นให้นายกิตติศักดิ์ก่อน แล้วนายกิตติศักดิ์จึงจะชำระค่าหุ้นให้ผู้ร้องได้ทำสัญญาโอนหุ้นกันไว้ตามเอกสารหมาย ร.1 โดยนายอัครพจน์ สังโขบลและนายอภิสิทธิ์ พันธุ์รัตนไพฑูรย์ กรรมการของบริษัทจำเลยที่ 1ลงชื่อเป็นพยานพร้อมทั้งประทับตราสำคัญของบริษัท ตามสัญญาดังกล่าวระบุว่า นายกิตติศักดิ์ผู้รับโอนในฐานะเป็นกรรมการของบริษัทจำเลยที่ 1 จะไปดำเนินการเปลี่ยนแปลงหลักฐานทางทะเบียนผู้ถือหุ้นต่อไปแต่การโอนหุ้นรายนี้ยังมิได้มีการจดแจ้งลงในทะเบียนผู้ถือหุ้นของบริษัทจำเลยที่ 1 ทั้งหุ้นพิพาทนี้ยังค้างชำระมูลค่าหุ้นอยู่อีกร้อยละ 50 คิดเป็นเงิน 320,300 บาท เมื่อการโอนหุ้นรายนี้มีกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทจำเลยที่ 1 ลงชื่อเป็นพยานพร้อมทั้งประทับตราสำคัญของบริษัท แม้จะไม่มีการจดแจ้งการโอนทั้งชื่อและสำนักงานผู้รับโอนนั้นลงในทะเบียนผู้ถือหุ้นก็อาจนำการโอนหุ้นนั้นมาใช้ยันบริษัทจำเลยที่ 1 ได้ไม่เป็นกรณีที่ต้องตกอยู่ในบังคับของมาตรา 1129 วรรคสาม ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องมีเพียงว่า ผู้ร้องต้องรับผิดในมูลค่าหุ้นที่ค้างชำระดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยหรือไม่ เห็นว่า ความรับผิดของผู้โอนสำหรับจำนวนเงินในมูลค่าหุ้นที่ยังส่งใช้ไม่ครบตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1133 นั้น หมายถึงความรับผิดต่อเจ้าหนี้ของบริษัทที่ผู้โอนเคยถือหุ้นอยุ่ หาได้หมายถึงว่าผู้โอนยังต้องรับผิดในมูลค่าหุ้นที่ยังส่งใช้ไม่ครบต่อบริษัท ทั้งที่ได้โอนหุ้นนั้นไป และนำการโอนหุ้นนั้นมาใช้อ้างแก่บริษัทได้ตามมาตรา 1129 วรรคสามไม่ ดังจะเห็นได้จากข้อความในมาตรา 1133 นั้นเองว่า ผู้โอนไม่ต้องรับผิดในมูลค่าหุ้นที่ยังส่งใช้ไม่ครบ หากเป็นหนี้ที่บริษัทได้ก่อให้เกิดขึ้นภายหลังโอน หรือผู้ที่ยังถือหุ้นของบริษัทอยู่ยังสามารถออกส่วนใช้หนี้อันเขาจะพึงต้องออกใช้นั้นได้ แสดงให้เห็นได้ว่าบริษัทได้ก่อหนี้แล้วไม่มีสินทรัพย์พอชำระหนี้เจ้าหนี้ของบริษัทอาจติดตามเอาจำนวนเงินที่ยังส่งใช้มูลค่าหุ้นไม่ครบจากผู้เคยถือหุ้นของบริษัทได้แม้จะโอนหุ้นไปแล้วก็ตาม ทั้งนี้ภายในกำหนดอายุความและเมื่อไม่เข้าข้อยกเว้นดังกล่าว แต่คดีนี้เป็นเรื่องเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของบริษัทจำเลยที่ 1 เห็นว่าหลักฐานตามบัญชีผู้ถือหุ้นผู้ร้องเป็นผู้ถือหุ้นคนหนึ่งและยังส่งใช้มูลค่าหุ้นไม่ครบบริษัทจำเลยที่ 1 มีสิทธิเรียกร้องในมูลค่าหุ้นส่วนที่ขาดจึงได้อาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 119 มีหนังสือแจ้งความและยืนยันหนี้ไปยังผู้ร้องเมื่อคดีนี้ฟังได้ว่าการโอนหุ้นของผู้ร้องนำมาใช้แก่บริษัทจำเลยที่ 1 ได้แล้ว ผู้ร้องจึงไม่ต้องรับผิดในมูลค่าหุ้นที่ยังส่งใช้ไม่ครบต่อบริษัทจำเลยที่ 1…”
พิพากษากลับ ให้จำหน่ายชื่อผู้ร้องจากบัญชีลูกหนี้ของบริษัทจำเลยที่ 1.

Share