คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 478/2502

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีไม้ประดู่แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 48,73,74 และ พ.ร.บ.ป่าไม้ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2494 มาตรา 17 ดังนี้ถือว่า เป็นฟ้องสมบูรณ์ไม่ต้องระบุว่าเป็นไม้แปรรูปประเภทหวงห้าม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีไม้ตะเคียนและไม้ประดู่แปรรูปรวมปริมาตรไม้ ๑๔,๐๘๓ ลูกบาศก์เมตร ไว้ในครอบครองโดยไม่อนุญาตจากเจ้าพนักงาน ขอให้ลงโทษ
จำเลยต่อสู้ว่า ไม้ของกลางเสียภาษีการแปรรูปไม้แล้ว
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่า จำเลยมีไม้ประดู่แปรรูปไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายพิพากษาปรับ ๑๐๐ บาท ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้มาตรา ๔๘,๗๓,๗๔ พ.ร.บ.ป่าไม้ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ.๒๔๙๔ มาตรา ๑๗ ริบไม้ประดู่ของกลาง คืนไม้ตะเคียนของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าฟ้องโจทก์มิได้กล่าวว่าไม้แปรรูปที่จำเลยมีไว้ในครอบครองเป็นไม้ประเภทหวงห้ามตามมาตรา ๕๐(๔) พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.๒๔๘๔ มาตรา ๔๘,๗๓,๗๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.ป่าไม้ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ.๒๔๙๔ สำหรับมาตรา ๗๓,๗๔ เป็นบทลงโทษและริบของกลาง บทมาตราที่โจทก์ขอให้ลงโทษคือมาตรา ๔๘ ส่วนมาตรา ๕๐ เป็นบทยกเว้นโทษมิให้ใช้บังคับในกรณีที่ไม่ใช่ไม้หวงห้าม ฉะนั้น ฟ้องของโจทก์มีรายละเอียดครบถ้วนตามมาตรา ๑๕๘(๕) ป.วิ.อ.แล้ว
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่

Share