แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การขอบอกล้างโมฆียะกรรมนั้น จะต้องกระทำภายในกำหนด 1 ปี นับแต่เวลาที่จะอาจให้สัตยาบันได้
โจทก์รู้การโอน อันเป็นโมฆียะกรรมมากว่า 1 ปี แต่โจทก์ไม่กล่าวในฟ้องหรือนำสืบให้ชัดว่า โจทก์เพิ่งทราบเหตุการหลอกลวงภายหลังใน 1 ปีก่อนบอกล้างดังนี้สันนิษฐานว่าโจทก์รู้เหตุบอกล้าง ตั้งแต่วันที่ทราบถึงการโอน โจทก์บอกล้างไม่ได้เพราะเกิน 1 ปีแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นน้องและเป็นทายาทโดยธรรมของนายพรมเจ้ามรดก นายพรมตายเมื่อวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๔ พ.ศ.๒๔๙๐ มีทรัพย์เป็นมรดกตามบัญชีท้ายฟ้อง ก่อนตายนายพรมเป็นคนชราหลงไหลสติฟั่นเฟือน จำเลยหลอกลวงเพทุบายให้นายพรมพิมพ์มือในใบมอบฉันทะยกที่ดินกับทรัพย์สินบ้านเรือนให้แก่จำเลยจนหมดสิ้น จึงขอให้เพิกถอนทำลายนิติกรรมการโอนระหว่างนายพรมกับจำเลย
จำเลยต่อสู้ว่านายพรมยกให้โดยสมัครใจและตัดฟ้องว่าคดีขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีได้ความว่านับจากวันที่โจทก์ได้ทราบถึงนิติกรรมนั้นจนวันฟ้องเป็นเวลากว่า ๒ ปี เกินกำหนดอายุความที่อ้างว่าเป็นโมฆียะกรรม คดีขาดอายุความ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า โจทก์มาฟ้องคดีนี้เป็นเวลาล่วงเลยมาประมาณ ๒ ปีเศษ จึงล่วงเลยกำหนดเวลาการบอกล้างโมฆียะกรรมเสียแล้ว ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษามาชอบแล้ว
จึงพิพากษายืน