คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4777/2549

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ประกอบธุรกิจ ผลิต นำเข้า ขายและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับการบริการบนเครื่องบิน โจทก์และจำเลยทำสัญญาจ้างข้อ 11 กำหนดว่าในกรณีที่สัญญาจ้างสิ้นสุดเนื่องจากการลาออกของลูกจ้าง ลูกจ้างตกลงว่าภายในระยะเวลา 1 ปี นับแต่วันที่ลาออกลูกจ้างจะไม่เข้าร่วมทำงานในบริษัทหรือกิจการอื่นใดที่เป็นการแข่งขันโดยทางตรงหรือทางอ้อมกับบริษัทโจทก์ ต่อมาจำเลยลาออกจากบริษัทโจทก์และไปทำงานที่เมืองฮ่องกงกับบริษัท ด. ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของโจทก์และประกอบกิจการเช่นเดียวกับโจทก์ ครั้นต่อมาอีกเดือนเศษจำเลยได้ลาออกจากบริษัท ด. และเข้าทำงานกับบริษัท ว. ซึ่งประกอบธุรกิจนำเข้าและส่งออกวัสดุเกี่ยวกับบริการด้านอาหารที่เมืองฮ่องกงภายใน 1 ปี นับแต่จำเลยลาออกจากบริษัทโจทก์ ดังนี้ ตามสัญญาจ้างข้อ 11 มิได้กำหนดพื้นที่กำหนดแต่ระยะเวลาห้าม และการกระทำที่ห้ามคือการเข้าทำงานในบริษัทอื่นที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับสายการบินแข่งขันกับโจกท์ เมื่อปรากฏว่า โจทก์จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลในประเทศไทย มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในประเทศไทย และโจทก์ไม่มีสาขาหรือประกอบธุรกิจอยู่ที่เมืองฮ่องกง แม้บริษัท ด. ซึ่งประกอบธุรกิจที่อยู่ที่เมืองฮ่องกงจะเป็นบริษัทในเครือของโจทก์ บริษัทดังกล่าวก็เป็นนิติบุคคลแยกต่างหากจากโจทก์เป็นเอกเทศ ถือไม่ได้ว่าธุรกิจของบริษัท ด. เป็นธุรกิจของโจทก์ และไม่ปรากฏว่าบริษัท ด. ประกอบธุรกิจโดยนำผลิตภัณฑ์ของโจทก์ไปจำหน่ายแม้จะมีผู้ประกอบธุรกิจแข่งขันกับบริษัท ด. ก็ไม่มีผลกระทบถึงธุรกิจของโจทก์ การที่จำเลยเข้าทำงานกับบริษัท ว. ซึ่งประกอบธุรกิจอยู่ที่เมืองฮ่องกงจึงไม่เป็นการเข้าทำงานในบริษัทอื่นที่เป็นการแข่งขันกับธุรกิจของโจทก์ การกระของจำเลยไม่เป็นการผิดข้อตกลงตามสัญญาจ้าง ข้อ 11

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยหยุดทำงานในบริษัทวอเตอร์มาร์ค เอเชีย จำกัด และห้ามไม่ให้เข้าไปทำงานร่วมกับบริษัทที่เป็นคู่แข่งทางการค้าของโจทก์หรือกระทำการใดไม่ว่าในทางตรงหรือทางอ้อมในลักษณะที่เป็นการแข่งขันกับธุรกิจของโจทก์เป็นเวลา 1 ปี นับแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2546 กับให้จำเลยคืนเงิน 70,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ที่โจทก์อุทธรณ์โดยยกเหตุผลต่าง ๆ ขึ้นอ้างว่า โจทก์จ่ายเงินจำนวน 70,000 บาท ให้จำเลยเพื่อการย้ายภูมิลำเนาไปทำงานที่เมืองฮ่องกงกับบริษัทดูนี่ ฮ่องกง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของโจทก์ เมื่อจำเลยผิดข้อตกลงโดยไปทำงานกับบริษัทวอเตอร์มาร์ค เอเชีย จำกัด จำเลยจึงต้องคืนเงินดังกล่าวให้แก่โจทก์นั้น เป็นอุทธรณ์โต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลาง อันเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 54 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย คงมีปัญหาต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ประการเดียวว่า การที่จำเลยลาออกจากการเป็นลูกจ้างโจทก์แล้วเข้าทำงานกับบริษัทวอเตอร์มาร์ค เอเชีย จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจนำเข้าและส่งออกวัสดุเกี่ยวกับการบริการด้านอาหารอยู่ที่เมืองฮ่องกง ภายในเวลา 1 ปี นับแต่วันที่จำเลยลาออก เป็นการผิดสัญญาจ้างโดยฝ่าฝืนข้อตกลงห้ามทำงานในบริษัทหรือกิจกรรมอื่นใดที่เป็นการแข่งขันกับโจทก์ในธุรกิจเกี่ยวกับสายการบินภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ลาออก ตามสัญญาจ้าง หรือไม่ เห็นว่า ข้อห้ามดังกล่าวมิได้กำหนดพื้นที่ กำหนดแต่ระยะเวลาห้ามและการกระทำที่ห้ามซึ่งในคดีนี้คือการเข้าทำงานในบริษัทอื่นที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับสายการบินแข่งขันกับโจทก์ ข้อเท็จจริงได้ความตามคำฟ้องของโจทก์และคำวินิจฉัยของศาลแรงงานกลางว่า โจทก์จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลในประเทศไทย มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในประเทศไทย ไม่ปรากฏว่าโจทก์มีสาขาหรือประกอบธุรกิจอยู่ที่เมืองฮ่องกง แม้บริษัทดูนี่ ฮ่องกง จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจอยู่ที่เมืองฮ่องกงจะเป็นบริษัทในเครือของโจทก์ บริษัทดังกล่าวก็เป็นนิติบุคคลแยกต่างหากจากโจทก์เป็นเอกเทศ ถือไม่ได้ว่าธุรกิจของบริษัทดูนี่ ฮ่องกง จำกัด เป็นธุรกิจของโจทก์ และไม่ปรากฏว่าบริษัทดูนี่ ฮ่องกง จำกัด ประกอบธุรกิจโดยนำผลิตภัณฑ์ของโจทก์ไปจำหน่าย แม้จะมีผู้ประกอบธุรกิจแข่งขันกับบริษัทดูนี่ ฮ่องกง จำกัด ก็ไม่มีผลกระทบถึงธุรกิจของโจทก์ การที่จำเลยเข้าทำงานกับบริษัทวอเตอร์มาร์ค เอเชีย จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจอยู่ที่เมืองฮ่องกงจึงไม่เป็นการเข้าทำงานในบริษัทอื่นที่เป็นการแข่งขันกับธุรกิจของโจทก์ ที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นการผิดข้อตกลงตามสัญญาจ้าง ศาลฎีกาเห็นด้วยในผล อุทธรณ์โจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share