แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีมีประเด็นข้อพิพาทว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือไม่ ศาลอุทธรณ์ฟังว่า นาย ล.ไม่ได้ยกที่พิพาทให้โจทก์ ที่พิพาทจึงไม่ใช่ของโจทก์โจทก์ไม่ฎีกา ข้อเท็จจริงฟังว่าที่พิพาท ไม่ใช่ของโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ดังนี้การที่ศาลอุทธรณ์ พิพากษาให้จำเลยรื้อถอนตึกแถวโดยเมื่อปรากฏว่าบริเวณที่ ศาลอุทธรณ์ พิพากษาให้รื้อนั้นอยู่นอกบริเวณที่พิพาทกัน จึงเป็นการ พิพากษา นอกฟ้องนอกประเด็นไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 ปัญหาว่าศาลพิพากษานอกฟ้องนอกประเด็นหรือไม่ เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความมิได้ฎีกาศาลก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5).
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อประมาณ 70 ปีที่ผ่านมาผู้มีชื่อยกที่ดินให้โจทก์ต่อมาจำเลยที่ 1 และที่ 2 จงใจชี้เขตที่ดินรุกล้ำเข้ามาในที่ดินของโจทก์ โดยจำเลยที่ 3 สมรู้ร่วมด้วยโดยไม่สุจริตทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้พิพากษาว่า ที่พิพาทภายในเขตเส้นสีแดงตามแผนที่ท้ายฟ้องหมายเลข 7 เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ให้เพิกถอนการแก้ไขเนื้อที่และแผนที่ตามที่จำเลยขอแก้ในโฉนดที่ 5859 นั้นเสียให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 รื้อถอนอาคารสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดออกจากที่ดินของโจทก์ และให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าเสียหายให้โจทก์
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การว่า ที่ดินที่โจทก์อ้างว่ามีผู้ยกให้และโจทก์ครอบครองไม่มีหลักฐาน จำเลยที่ 1 และที่ 2 มิได้รุกล้ำที่ดินของโจทก์ โจทก์ไม่เสียหายตามที่เรียกร้อง ขอให้ยกฟ้องโจทก์
จำเลยที่ 3 ให้การว่า จำเลยที่ 3 รับรองแนวเขตในการที่จำเลยที่ 1 และ 2 ขอรังวัดสอบเขตที่ดินไปตามความเป็นจริง ขอให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 รื้อถอนตึกแถวและสิ่งปลูกสร้างเฉพาะส่วนที่รุกล้ำตามที่ปรากฏในแผนที่วิวาทตั้งแต่ตรงหลัก ล.ม.6 มา ล.ม.7 จนถึง ล.ม.3 คำขอของโจทก์นอกจากนี้ให้ยก
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ฎีกาว่า เมื่อศาลอุทธรณ์ไม่ฟังว่านายเลี่ยมยกที่พิพาทให้โจทก์ ที่พิพาทก็ย่อมจะไม่ใช่ที่ดินของโจทก์และไม่สามารถจะพิพากษาให้จำเลยทั้งสองรื้อถอนตึกแถวได้ตามฟ้องและชอบที่จะยกฟ้องโจทก์เสียนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าคดีมีประเด็นข้อพิพาทว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือไม่ประเด็นดังกล่าวศาลอุทธรณ์ฟังว่า นายเลี่ยมไม่ได้ยกที่พิพาทให้โจทก์ที่พิพาทจึงไม่ใช่ของโจทก์ โจทก์ไม่ได้ฎีกา ข้อเท็จจริงจึงต้องฟังว่า ที่พิพาทไม่ใช่ของโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 รื้อถอนตึกแถวและสิ่งปลูกสร้างตามที่ปรากฏในแผนที่วิวาทตั้งแต่หลัก ล.ม.6 มา ล.ม.7จนถึง ล.ม.3 นั้น ปรากฏตามแผนที่วิวาทว่า บริเวณศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 รื้อถอนนั้นอยู่นอกบริเวณที่พิพาทคำพิพากษาศาลอุทธรณ์จึงเป็นการพิพากษานอกฟ้อง นอกประเด็นไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 ซึ่งประเด็นนี้แม้จำเลยที่ 1 ที่ 2 มิได้ฎีกาแต่เนื่องจากเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5)
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.