แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ผู้บัญชาการทหารอากาศมีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อหาสาเหตุและผู้รับผิดชอบพัสดุสูญหายโดยมิได้ระบุให้แจ้งชัดว่าหาผู้รับผิดชอบในทางแพ่งทางอาญาหรือทางวินัย และจากรายงานผลการสอบสวนของคณะกรรมการมีความเห็นว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดทางวินัยฐานบกพร่องต่อหน้าที่ ส่วนความรับผิดทางแพ่งจะต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อหาตัวผู้รับผิดทางแพ่งต่อไป คณะกรรมการสอบสวนชุดดังกล่าวจึงไม่ใช่คณะกรรมการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดในทางแพ่งดังนั้น ยังถือไม่ได้ว่าผู้บัญชาการทหารอากาศผู้แทนโจทก์ได้รู้ถึงตัวผู้พึงจะต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนในวันที่สั่งลงทัณฑ์จำเลยทั้งสอง ต่อมาเมื่อผู้บัญชาการทหารอากาศมีคำสั่งตั้งคณะกรรมการขึ้นทำการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดในทางแพ่ง คณะกรรมการสอบสวนแล้วมีความเห็นว่าจำเลยทั้งสอง จะต้องรับผิดในทางแพ่ง แล้วรายงานผลการสอบสวนต่อผู้บัญชาการทหารอากาศและผู้บัญชาการทหารอากาศสั่งการให้จำเลยทั้งสองรับผิดในทางแพ่ง เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน2523 ดังนี้ ต้องถือว่าผู้บัญชาการทหารอากาศ ผู้แทนโจทก์รู้ตัวผู้พึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อละเมิดในวันดังกล่าว โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2524 ยังไม่พ้น 1 ปี นับแต่วันที่โจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้ที่พึงจะใช้ค่าสินไหมทดแทนฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้อง ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนแผ่นเหล็กปูสนามบินชนิดยาว 476 แผ่น แก่โจทก์ หากไม่สามารถคืนได้ให้ร่วมกันใช้เงิน1,074,800 บาท แก่โจทก์กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันเสียดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงินที่จำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ไม่ขาดอายุความ พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยประเด็นข้ออื่นต่อไปแล้วพิพากษาใหม่
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาตามที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ ข้อเท็จจริงได้ความตามที่โจทก์ฟ้องและนำสืบโดยจำเลยทั้งสองมิได้ฎีกาโต้แย้งคัดค้านว่า แผ่นโลหะปูสนามบินชนิดยาวของโจทก์จำนวน 476 แผ่น ราคา 1,074,800 บาทซึ่งอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของจำเลยทั้งสองได้สูญหายไป โจทก์จึงได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อหาสาเหตุและผู้รับผิดชอบพัสดุสูญหาย คณะกรรมการสอบสวนทำการสอบสวนแล้วได้รายงานผลการสอบสวนต่อผู้บัญชาการทหารอากาศผ่านรองผู้บัญชาการทหารอากาศ เมื่อวันที่7 กันยายน 2521 ตามเอกสารหมาย ล.16 ว่า จำเลยทั้งสองบกพร่องต่อหน้าที่จะต้องรับผิดทางวินัย ส่วนความรับผิดทางแพ่งจะต้องตั้งกรรมการสอบสวนเพื่อหาตัวผู้รับผิด ตาม ขกง.10 หมวด 17ข้อ 106 ซึ่งเป็นหน้าที่ของ กง.ทอ. เป็นผู้ดำเนินการตั้งรองผู้บัญชาการทหารอากาศได้ทำรายงานเสนอผู้บัญชาการทหารอากาศเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2522 ตามเอกสารหมาย ล.3 ผู้บัญชาการทหารอากาศได้บันทึกสั่งการเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2522 ให้ลงทัณฑ์จำเลยที่ 1 โดยกักบริเวณ 20 วัน และงดบำเหน็จ และกักบริเวณจำเลยที่ 2 มีกำหนด 15 วัน และงดบำเหน็จ ต่อมาผู้บัญชาการทหารอากาศได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2523 ตั้งคณะกรรมการขึ้นทำการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดทางแพ่ง คณะกรรมการสอบสวนทำการสอบสวนแล้วทำรายงานลงวันที่ 19 พฤษภาคม 2523 สรุปผลว่าจำเลยทั้งสองจะต้องรับผิดในทางแพ่งต่อโจทก์ เจ้ากรมการเงินทหารอากาศเสนอรายงานของคณะกรรมการดังกล่าวต่อผู้บัญชาการทหารอากาศผ่านรองผู้บัญชาการทหารอากาศ เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2523 ผู้บัญชาการทหารอากาศสั่งการผ่านรองผู้บัญชาการทหารอากาศให้จำเลยทั้งสองรับผิดในทางแพ่งเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2523 ตามที่คณะกรรมการสอบสวนให้ความเห็นปรากฏรายละเอียดตามเอกสารหมาย จ.361 ปัญหาว่าฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยทั้งสอง ขาดอายุความหรือไม่นั้นที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่าผู้บัญชาการทหารอากาศผู้แทนโจทก์ได้รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้พึงจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม2522 ซึ่งเป็นวันที่ผู้บัญชาการทหารอากาศมีคำสั่งให้ลงทัณฑ์จำเลยทั้งสองตามความเห็นของคณะกรรมการสอบสวนแล้วนั้น เห็นว่า แม้ตามเอกสารหมาย ล.16 จะปรากฏว่าผู้บัญชาการทหารอากาศมีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อหาสาเหตุและผู้รับผิดชอบพัสดุสูญหายโดยมิได้ระบุให้แจ้งชัดว่า หาผู้รับผิดชอบในทางแพ่ง ทางอาญาหรือทางวินัยทางใดทางหนึ่งหรือทั้งสามทางก็ตาม แต่ก็ปรากฏจากรายงานผลการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนเอกสารหมาย ล.16ข้อ 3.4.1.3 ว่า คณะกรรมการสอบสวนมีความเห็นว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2มีความผิดฐานบกพร่องต่อหน้าที่ ซึ่งเป็นความผิดทางวินัยและตามเอกสารดังกล่าวข้อ 4 ระบุว่า ความรับผิดทางแพ่งจะต้องตั้งกรรมการสอบสวนเพื่อหาตัวผู้รับผิดทางแพ่งตาม ขกง.10 หมวด 17ข้อ 106 การดำเนินการตั้งกรรมการสอบสวนเพื่อหาตัวผู้รับผิดทางแพ่งนั้นเป็นหน้าที่ของ กง.ทอ. เห็นได้ว่า คณะกรรมการสอบสวนชุดนี้ไม่ใช่คณะกรรมการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดในทางแพ่ง เพราะอำนาจในการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดในทางแพ่งต้องเป็นคณะกรรมการสอบสวนซึ่งตั้งโดย กง.ทอ. คณะกรรมการสอบสวนชุดนี้จึงไม่ได้ทำการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดทางแพ่งคงทำการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดในทางอาญาและทางวินัยเท่านั้น คณะกรรมการสอบสวนจึงลงความเห็นเพียงว่าจำเลยทั้งสอง มีความผิดฐานบกพร่องต่อหน้าที่ซึ่งเป็นความผิดทางวินัยดังนั้นการที่ผู้บัญชาการทหารอากาศสั่งลงทัณฑ์จำเลยทั้งสองท้ายเอกสารหมาย ล.3 ซึ่งเป็นรายงานผลการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนผ่านรองผู้บัญชาการทหารอากาศ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2522นั้น ยังถือไม่ได้ว่าผู้บัญชาการทหารอากาศผู้แทนโจทก์ได้รู้ถึงตัวผู้พึงจะต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ ต่อมาเมื่อผู้บัญชาการทหารอากาศได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการขึ้นทำการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดในทางแพ่ง คณะกรรมการสอบสวนทำการสอบสวนแล้วมีความเห็นว่าจำเลยทั้งสองจะต้องรับผิดในทางแพ่ง แล้วรายงานผลการสอบสวนต่อเจ้ากรมการเงินทหารอากาศ เจ้ากรมการเงินทหารอากาศเสนอรายงานของคณะกรรมการสอบสวนต่อผู้บัญชาการทหารอากาศเมื่อวันที่14 พฤศจิกายน 2523 ผู้บัญชาการทหารอากาศสั่งการให้จำเลยทั้งสองรับผิดในทางแพ่งผ่านรองผู้บัญชาการทหารอากาศเมื่อวันที่ 18พฤศจิกายน 2523 ดังนั้น จึงต้องถือว่าผู้บัญชาการทหารอากาศผู้แทนโจทก์รู้ตัวผู้พึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อละเมิด เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2523 คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสอง เมื่อวันที่3 พฤศจิกายน 2524 ยังไม่พ้น 1 ปี นับแต่วันที่โจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้ที่พึงจะใช้ค่าสินไหมทดแทน ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความนั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.