แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและเรียกค่าเสียหาย โจทก์จะต้องพิสูจน์ว่าจำเลยไม่มีสิทธิในอาคารและที่ดินพิพาทที่โจทก์ฟ้องให้ขับไล่ แม้ในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นโจทก์จำเลยตกลงกันว่า จำเลยจะนำค่าเช่าหรือค่าเสียหายมาวางศาลทุกเดือนจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ถ้าหากจำเลยผิดนัดไม่นำเงินค่าเช่ามาวางศาลในเดือนใด จำเลยยินยอมให้โจทก์มีสิทธิบังคับคดีเกี่ยวกับเงินค่าเช่าดังกล่าว และบังคับให้จำเลยออกจากอาคารและที่ดินพิพาทในคดีนี้ได้ทันทีก็ตามแต่เมื่อโจทก์จำเลยได้ตกลงกันให้ถือเอาคำพิพากษาถึงที่สุดในคดีแพ่งอีกเรื่องหนึ่งมาเป็นข้อแพ้ชนะกัน และเมื่อคดีที่คู่ความท้ากันยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด แม้จำเลยจะผิดนัดโจทก์จะมาขอให้ศาลออกคำบังคับในคดีนี้หาได้ไม่ เพราะหากจำเลยต้องถูกบังคับให้ออกจากอาคารและที่ดินพิพาทกับต้องชดใช้ ค่าเสียหายให้โจทก์ ก็มีผลเท่ากับโจทก์ชนะคดีในประเด็นที่พิพาทกันนั่นเอง ข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับวิธีการคุ้มครองประโยชน์คู่ความในระหว่างพิจารณาโจทก์จึงนำข้อตกลงดังกล่าวมาบังคับให้จำเลยออกจากอาคารและที่ดินพิพาทไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากอาคารและที่ดินพิพาท ให้จำเลยชำระค่าเช่าที่ค้างและค่าเสียหายถึงวันฟ้องรวม 75,903 บาท พร้อมดอกเบี้ย และให้ใช้ค่าเสียหายอีกเดือนละ14,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะออกไปจากอาคารและที่ดินพิพาทแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า ไม่เคยเช่าอาคารและที่ดินพิพาทจากโจทก์อาคารและที่ดินพิพาทเป็นมรดก จำเลยเป็นทายาทคนหนึ่งจึงเป็นเจ้าของรวมมีสิทธิใช้อาคารและที่ดินพิพาท ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณาโจทก์ถึงแก่กรรม นางสมจิตต์ เชาวน์ประดิษฐ์ทายาทและผู้ปกครองทรัพย์มรดกยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนศาลชั้นต้นอนุญาตและโจทก์ขอคุ้มครองประโยชน์โดยขอให้จำเลยนำค่าเสียหายเท่ากับอัตราค่าเช่ามาวางศาล จำเลยตกลงยินยอมนำเงินค่าเช่ามาวางศาลเดือนละ 10,000 บาท ตั้งแต่เดือนกันยายน 2530 เป็นต้นไป โจทก์พอใจ ต่อมาคู่ความตกลงให้ถือเอาผลคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ 3705/2529 ของศาลแพ่งธนบุรีระหว่าง นางส้มพวง ประจำกิจ กับพวก โจทก์ นายสมพงษ์เชาวน์ประดิษฐ์ จำเลย เป็นข้อแพ้ชนะในคดีนี้ โดยหากคดีดังกล่าวศาลพิพากษาถึงที่สุดว่า อาคารและที่ดินพิพาทมิใช่ทรัพย์มรดกของนายเงียบตำหรือเติมหรือเฮียบตุ้น เชาวน์ประดิษฐ์แต่เป็นของโจทก์ในคดีนี้ หรือพิพากษาอย่างอื่นที่มีผลให้อาคารและที่ดินพิพาทตกเป็นของโจทก์ในคดีนี้จำเลยยอมแพ้คดีเต็มตามฟ้องแต่ถ้าหากศาลพิพากษาถึงที่สุดว่าอาคารและที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์มรดก โจทก์ยอมแพ้คดี สำหรับค่าเช่ารายเดือนซึ่งจำเลยรับว่าจะนำมาวางศาลทุกเดือน โดยค่าเช่าของเดือนใดก็จะนำมาวางศาลภายในเดือนนั้น ติดต่อกันไปจนกว่าคดีจะถึงที่สุดและเมื่อคดีถึงที่สุดแล้วหากฝ่ายใดเป็นฝ่ายชนะคดีก็ให้ฝ่ายนั้นเป็นผู้มีสิทธิรับไป ถ้าหากจำเลยผิดนัดไม่นำเงินค่าเช่าดังกล่าวมาวางศาลในเดือนใด จำเลยยินยอมให้โจทก์มีสิทธิบังคับคดีเกี่ยวกับเงินค่าเช่าดังกล่าวและบังคับให้จำเลยออกจากอาคารและที่ดินพิพาทในคดีนี้ได้ทันที แต่จำเลยผิดนัด โจทก์จึงยื่นคำแถลงขอให้ออกคำบังคับให้จำเลยออกไปจากอาคารและที่ดินพิพาท
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งคำแถลงของโจทก์ว่า คดีนี้ศาลยังไม่ได้พิพากษาชี้ขาดในประเด็นแห่งคดี จึงไม่อาจออกคำบังคับได้ให้ยกคำแถลง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาว่า คู่ความในคดีนี้ตกลงกันว่าจำเลยจะนำค่าเช่าหรือค่าเสียหายมาวางศาลทุกเดือนจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ถ้าหากจำเลยผิดนัดไม่นำเงินค่าเช่ามาวางศาลในเดือนใด จำเลยยินยอมให้โจทก์มีสิทธิบังคับคดีเกี่ยวกับเงินค่าเช่าดังกล่าว และบังคับให้จำเลยออกจากอาคารและที่ดินพิพาทในคดีนี้ได้ทันที เจตนาของคู่ความมิได้มุ่งที่จะกำหนดให้ฝ่ายที่ไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงเป็นฝ่ายแพ้คดี เพียงแต่มุ่งที่จะให้ศาลมีคำสั่งให้จำเลยออกจากอาคารและที่ดินพิพาทเป็นการชั่วคราวนั้นเห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องให้ขับไล่จำเลยและเรียกค่าเสียหายโจทก์จะต้องพิสูจน์ว่าจำเลยไม่มีสิทธิในอาคารและที่ดินพิพาทที่โจทก์ฟ้องให้ขับไล่ แต่คดีนี้โจทก์จำเลยได้มาตกลงกันให้ถือเอาคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลแพ่งธนบุรี คดีหมายเลขดำที่ 3705/2529ระหว่าง นางส้มพวง ประจำกิจ กับพวก โจทก์ นายสมพงษ์เชาวน์ประดิษฐ์ จำเลย มาเป็นข้อแพ้ชนะกัน ดังนั้นเมื่อคดีดังกล่าวยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด โจทก์จะมาขอให้ศาลออกคำบังคับหาได้ไม่ เพราะหากจำเลยต้องถูกบังคับให้ออกจากอาคารและที่ดินพิพาท กับต้องชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ ก็มีผลเท่ากับโจทก์ชนะคดีในประเด็นที่พิพาทกันนั่นเองที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับวิธีการคุ้มครองประโยชน์คู่ความในระหว่างพิจารณาโจทก์จึงนำข้อตกลงดังกล่าวมาบังคับให้จำเลยออกจากอาคารและที่ดินพิพาทไม่ได้นั้นชอบแล้ว
พิพากษายืน