คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4729/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยและพิเคราะห์จากคำฟ้องและคำให้การแล้วยกปัญหาข้อกฎหมายขึ้นวินิจฉัยให้โจทก์ชนะคดี ไม่ใช่มีการสืบพยานแล้วฟังข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานในสำนวน คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวเป็นคำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายซึ่งทำให้คดีเสร็จไปทั้งเรื่อง ไม่ใช่คำสั่งระหว่างพิจารณา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 24,227 โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยผู้สั่งจ่ายรับผิดใช้เงินตามเช็ค จำเลยให้การต่อสู้เพียงว่าจำเลยออกเช็คเป็นประกันหนี้ของบุตรเขยเท่านั้นดังนี้ เมื่อจำเลยรับว่าเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คและเช็คมีมูลหนี้จากการที่จำเลยสั่งจ่ายประกันหนี้ของบุคคลอื่นแก่โจทก์จำเลยก็ย่อมต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คแก่โจทก์ โดยไม่จำต้องมีการสืบพยานรับฟังข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานแต่อย่างใดอีก จำเลยให้การว่า โจทก์จะเป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัดถูกต้องตามกฎหมายและมี ก. เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการจริงหรือไม่จำเลยไม่ขอรับรอง ไม่ได้กล่าวให้ชัดว่าโจทก์ไม่ใช่นิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัดด้วยเหตุอะไร ก. ไม่ได้เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการด้วยเหตุอะไร จึงไม่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 177 วรรคสอง ถือได้ว่าจำเลยไม่ได้ให้การปฏิเสธในข้อนี้ข้อเท็จจริงฟังได้ตามฟ้องว่าโจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัด มี ก. เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยใช้เงินตามเช็คพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า โจทก์จะเป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัดและมีนายกิตติปัญญ์ เจริญชัย เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการจริงหรือไม่ไม่รับรอง เช็คพิพาทเป็นเช็คค้ำประกันหนี้ของนายภุชงค์บุตรเขยของจำเลย มิใช่เป็นการนำเช็คพิพาทไปแลกเงินสดจากโจทก์แต่อย่างใด ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณา จำเลยถึงแก่กรรม นางมยุรี พุฒิชาติ และนายบรรพต เจริญชัย ทายาทจำเลยยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์และจำเลย แล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยข้อแรกมีว่าคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาหรือไม่เห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิเคราะห์จากคำฟ้องของโจทก์และคำให้การของจำเลยแล้วยกปัญหาข้อกฎหมายขึ้นวินิจฉัยให้โจทก์ชนะคดี หาใช่มีการสืบพยานแล้วฟังข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานในสำนวนไม่ คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวจึงเป็นคำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายซึ่งทำให้คดีเสร็จไปทั้งเรื่อง ไม่ใช่คำสั่งระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24, 227 ดังนี้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 เห็นว่าคำสั่งของศาลชั้นต้นนี้เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา จำเลยไม่ได้โต้แย้งคำสั่งไว้ จึงไม่รับวินิจฉัยในปัญหาว่าศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานชอบหรือไม่นั้น จึงหาเป็นการถูกต้องไม่ ซึ่งศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยไปในทีเดียว ในปัญหานี้โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายให้รับผิดใช้เงินตามเช็คจำเลยให้การต่อสู้เพียงว่า จำเลยออกเช็คพิพาทเป็นประกันหนี้ของบุตรเขยเท่านั้น ดังนี้ เมื่อจำเลยรับว่าเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คและเช็คมีมูลหนี้จากการที่จำเลยสั่งจ่ายประกันหนี้ของบุคคลอื่นแก่โจทก์ จำเลยก็ย่อมต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คแก่โจทก์ โดยไม่จำต้องมีการสืบพยานรับฟังข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานแต่อย่างใดอีก ส่วนที่จำเลยโต้แย้งว่าหากให้มีการสืบพยาน จำเลยสามารถแสดงให้เห็นว่าบุตรเขยของจำเลยได้ชำระหนี้ให้แก่โจทก์แล้วหนี้ตามเช็คพิพาทจึงเป็นอันระงับไปนั้น ก็เห็นว่าเป็นข้อต่อสู้ที่นอกเหนือจากคำให้การ นอกประเด็น จำเลยหามีสิทธินำสืบไม่การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานแล้วพิพากษาให้จำเลยรับผิดใช้เงินตามเช็คจึงชอบแล้ว
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยข้อต่อไปว่า ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าโจทก์เป็นนิติบุคคลโดยพิจารณาจากสำเนาเอกสารท้ายฟ้องของโจทก์เป็นข้อวินิจฉัยนั้นไม่ถูกต้อง เพราะเอกสารที่จะรับฟังได้ต้องเป็นต้นฉบับนั้น เห็นว่า ปัญหาข้อนี้สืบเนื่องมาจากจำเลยให้การต่อสู้ว่า โจทก์จะเป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัดโดยจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายจริงหรือไม่ จำเลยไม่ขอรับรองและโจทก์จะมีนายกิตติปัญญ์ เจริญชัย เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการจริงหรือไม่ จำเลยไม่ขอรับรองซึ่งเห็นได้ว่า คำให้การของจำเลยมิได้ให้การรับหรือปฏิเสธ เป็นคำให้การคลุมเครือไม่ชัดแจ้งเพราะไม่กล่าวให้ชัดว่า โจทก์ไม่ใช่นิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัดด้วยเหตุอะไร นายกิตติปัญญ์ไม่ได้เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการด้วยเหตุอะไร จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสอง ถือได้ว่าจำเลยไม่ได้ให้การปฏิเสธในข้อนี้ ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ตามฟ้องโจทก์ว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัด มีนายกิตติปัญญ์ เจริญชัย เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ จึงไม่จำต้องวินิจฉัยในปัญหาที่ว่าจะรับฟัง สำเนาเอกสารท้ายฟ้องได้หรือไม่
พิพากษายืน

Share