แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
เอกสารว่า โจทก์ใช้หนี้แทนแก่จำเลยแล้ว จำเลยยอมยกบ้านให้แก่โจทก์ดังนี้ เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ ใช้บังคับได้ ไม่ใช่ให้โดยเสน่หาที่จะต้องจดทะเบียนตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 525
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยส่งมอบบ้านพิพาทแต่โจทก์หากส่งมอบไม่ได้ให้ชำระเงิน 10,000 บาทกับดอกเบี้ย จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “คดีนี้เป็นคดีที่ฎีกาได้แต่เฉพาะในปัญหาข้อกฎหมายที่ว่าบันทึกยอมความคดีอาญาตามเอกสาร จ.1 เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความหรือไม่ การวินิจฉัยปัญหาดังกล่าว ศาลฎีกาจำต้องฟังตามข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยจากหลักฐานในสำนวน ซึ่งศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าเดิมบ้านพิพาทเป็นของนายปลด บิดาของโจทก์ที่ 1 กับจำเลยที่ 1 ต่อมานายปลดยกให้จำเลยที่ 1 โจทก์จำเลยได้มีข้อพิพาทเกี่ยวกับบ้านหลังนี้ แล้วจึงตกลงทำบันทึกตามเอกสาร จ.1 ซึ่งตามเอกสาร จ.1 มีข้อความตอนหนึ่งชัดเจนว่า”บัดนี้นายเตย พรหมเพิ่มผู้ต้องหาได้ยินยอมชดใช้หนี้ให้แก่นายประยงค์ นางสมจิตร นาคเกิด ผู้กล่าวหาเป็นจำนวน 10,000 บาท ซึ่งนายเตย พรหมเพิ่มได้ใช้หนี้แทนไปแล้ว และนายประยงค์ นางสมจิตร ได้ยินยอมยกบ้านหลังที่นายเตย พรหมเพิ่ม กับพวกทำการรื้อถอนให้แก่นางเงียบ พรหมเพิ่ม” จำเลยที่ 2ได้เซ็นชื่อไว้ในบันทึกในฐานะผู้กล่าวหา มีจำเลยที่ 1 เซ็นชื่อเป็นพยน ซึ่งเห็นได้ว่าข้อความตามเอกสาร จ.1 ดังกล่าวแล้ว คู่สัญญาแต่ละฝ่ายต่างผ่อนผันให้แก่กันในการระงับข้อพิพาทที่มีอยู่โดยต่างได้รับผลตอบแทน จึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ ไม่ใช่ให้โดยเสน่หาอันจะต้องทำเป็นหนังสือจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 525 และก็ไม่ใช่ทำเพื่อถอนคำร้องทุกข์เท่านั้น ดังจำเลยทั้งสองฎีกา”
พิพากษายืน