แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ศาล พิพากษา ถึงที่สุด และ กำหนด วิธีการ บังคับคดี ตาม คำพิพากษา แล้ว จึง ไม่อาจ จะ เปลี่ยน หรือ กำหนด วิธีการ บังคับคดี ใหม่
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยส่งมอบใบหุ้นของบริษัทสยามเครดิต จำกัด ซึ่งจำเลยในฐานะตัวแทนได้ซื้อไว้แทนโจทก์ผู้เป็นตัวการให้โจทก์ หากไม่ปฏิบัติตามก็ให้จำเลยใช้เงินค่าหุ้นจำนวน 1,000,000 บาท กับให้จำเลยคืนเงินปันผลพร้อมดอกเบี้ยจำเลยให้การและฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์ชำระเงิน 1,361,457 บาทแก่จำเลยพร้อมดอกเบี้ย ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้โจทก์ชำระเงินให้จำเลย 1,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2520 จนกว่าจะชำระเสร็จแต่ให้เอาเงินปันผลจำนวน 250,050 บาท หักออกเสียก่อน เมื่อจำเลยได้รับชำระหนี้แล้วให้จำเลยมอบใบหุ้นของบริษัทสยามเครดิต จำกัด ให้โจทก์ ถ้าส่งมอบไม่ได้ให้ใช้เงินจำนวน 1,000,000 บาท แก่โจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้โจทก์ชำระดอกเบี้ยนับตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2521นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ศาลฎีกาพิพากษายืนต่อมาโจทก์ไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาดังกล่าว จำเลยขอให้ศาลออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี โจทก์ยื่นคำร้องของดการบังคับคดีชั่วคราวศาลชั้นต้นอนุญาต และโจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลกำหนดวิธีการบังคับคดีใหม่ โดยขอให้จำเลยนำใบหุ้นมาวางต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีก่อนแล้วโจทก์จึงจะนำเงินมาชำระ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีต่อไปตามคำพิพากษา โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้ศาลพิพากษาถึงที่สุด และกำหนดวิธีการบังคับคดีไว้แล้ว จึงไม่อาจที่จะเปลี่ยนหรือกำหนดวิธีการบังคับคดีใหม่ตามคำร้องของโจทก์ได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น” พิพากษายืน