แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
พ.ร.บ.ล้มละลายฯ มาตรา 136 บัญญัติว่า “คำสั่งยกเลิกการล้มละลายตามมาตรา 135 (1) หรือ (2) นั้นไม่ทำให้ลูกหนี้หลุดพ้นหนี้สินแต่อย่างใด” เมื่อกฎหมายดังกล่าวมิได้ยกเว้นไว้ว่าหนี้ใดบ้างหลุดพ้นเพราะคำสั่งยกเลิกการล้มละลายจึงต้องแปลว่าหนี้สินทุกชนิดที่ลูกหนี้มีอยู่ก่อนฟ้องอย่างไรก็คงเป็นหนี้อยู่เช่นเดิมอย่างนั้น ดังนั้น แม้โจทก์มิได้นำหนี้ตามคำพิพากษาไปยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีที่จำเลยถูกฟ้องให้เป็นบุคคลล้มละลายตาม พ.ร.บ.ล้มละลายฯ มาตรา 91 ก็ตาม แต่เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกเลิกการล้มละลายแล้ว หนี้ของโจทก์ดังกล่าวย่อมกลับสภาพเป็นหนี้ที่สมบูรณ์อันทำให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษามีสิทธิที่จะบังคับคดีแก่จำเลยได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 899,787.54 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ แต่จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์ขอให้ออกหมายบังคับคดีและนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินของจำเลยออกขายทอดตลาด
จำเลยยื่นคำร้องว่า จำเลยถูกฟ้องคดีล้มละลายและคดีดังกล่าวศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดโดยศาลมีคำสั่งภายหลังจากศาลพิพากษาคดีนี้ แต่โจทก์มิได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายภายในกำหนดเวลา 2 เดือน นับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด และต่อมาศาลได้มีคำสั่งยกเลิกการล้มละลายแล้ว จำเลยจึงหลุดพ้นจากความรับผิดในการชำระหนี้แก่โจทก์และหลุดพ้นจากการบังคับคดี ขอให้มีคำสั่งปล่อยทรัพย์ที่ยึดและห้ามโจทก์บังคับคดีแก่จำเลย
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า การที่ศาลมีคำสั่งยกเลิกการล้มละลายไม่ทำให้จำเลยหลุดพ้นจากหนี้สินตามมาตรา 136 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 โจทก์มีสิทธิบังคับคดีแก่จำเลยต่อไป ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่ได้โต้เถียงกันรับฟังเป็นยุติว่าหลังจากศาลพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์ในคดีนี้แล้ว จำเลยซึ่งถูกฟ้องเป็นคดีล้มละลายอีกคดีหนึ่งถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด มีเจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย 2 ราย ส่วนโจทก์มิได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ ต่อมาศาลพิพากษาให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลาย หลังจากนั้นศาลมีคำสั่งยกเลิกการล้มละลายเนื่องจากเห็นว่าลูกหนี้ไม่ควรถูกพิพากษาให้ล้มละลายเพราะเจ้าหนี้ดังกล่าวขอถอนคำขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 135 (2) มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า การที่ศาลมีคำสั่งยกเลิกการล้มละลายของจำเลยมีผลทำให้จำเลยหลุดพ้นจากหนี้ตามคำพิพากษาคดีนี้หรือไม่ เห็นว่า พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 136 บัญญัติว่า “คำสั่งยกเลิกการล้มละลายตามมาตรา 135 (1) หรือ (2) นั้นไม่ทำให้ลูกหนี้หลุดพ้นหนี้สินแต่อย่างใด” เมื่อกฎหมายดังกล่าวมิได้ยกเว้นไว้ว่าหนี้ใดบ้างหลุดพ้นเพราะคำสั่งยกเลิกการล้มละลายจึงต้องแปลว่าหนี้สินทุกชนิดที่ลูกหนี้มีอยู่ก่อนฟ้องอย่างไรก็คงเป็นหนี้อยู่เช่นเดิมอย่างนั้น ดังนั้น แม้โจทก์มิได้นำหนี้ตามคำพิพากษาไปยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีที่จำเลยถูกฟ้องให้เป็นบุคคลล้มละลายตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 91 ก็ตาม แต่เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกเลิกการล้มละลายแล้ว หนี้ของโจทก์ดังกล่าวย่อมกลับสภาพเป็นหนี้ที่สมบูรณ์อันทำให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษามีสิทธิที่จะบังคับคดีแก่จำเลยได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน