คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 470/2562

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ขณะโจทก์ฟ้องคดีไม่ได้แต่งตั้งทนายความช่วยดำเนินคดี โจทก์ลงชื่อเป็นโจทก์ด้วยตนเอง และมีชื่อโจทก์กับลายมือชื่อโจทก์เป็นผู้เขียนหรือพิมพ์ด้วย จึงพอฟังได้ว่าโจทก์เป็นผู้เรียงฟ้องดังกล่าว แม้โจทก์ไม่ได้ลงชื่อในช่องผู้เรียง ก็ยังไม่ถึงกับกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนจนต้องยกฟ้องโจทก์
คดีมีประเด็นพิพาทในชั้นฎีกาเพียงว่าฟ้องโจทก์เป็นฟ้องที่พึงรับพิจารณาให้หรือไม่ ซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมาย เป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ เสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกา 200 บาท

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ชำระเงิน 240,000 บาท โดยให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ชำระค่าใช้ที่ดินตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายน 2548 ถึงวันที่ 15 มีนาคม 2554 คิดเป็นเงิน 137,666 บาท และให้จำเลยที่ 3 และที่ 4 ชำระค่าใช้ที่ดินเป็นเงิน 102,334 บาท แก่โจทก์
จำเลยทั้งสี่ให้การขอให้พิพากษาลดค่าใช้ที่ดินลง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 2 ชำระค่าใช้ที่ดินแก่โจทก์ 45,000 บาท กับให้จำเลยที่ 3 และที่ 4 ร่วมกันชำระค่าใช้ที่ดินแก่โจทก์ 35,000 บาท และเมื่อโจทก์ได้รับค่าใช้ที่ดินครบถ้วนแล้วโจทก์จะต้องจดทะเบียนสิทธิในที่ดินโฉนดเลขที่ 9403 อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เป็นภาระจำยอมให้แก่ที่ดินโฉนดเลขที่ 9402 อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ของจำเลยที่ 3 และที่ 4 ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับให้ยกฟ้อง คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ส่วนที่เสียเกินมา 1,600 บาท แก่โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลนอกจากที่สั่งคืนให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องโดยไม่ปรากฏข้อความว่าบุคคลใดเป็นผู้เรียงคำฟ้องและไม่มีลายมือชื่อผู้เรียงตามแบบพิมพ์ของศาล ศาลชั้นต้นได้ดำเนินกระบวนพิจารณาจนเสร็จสิ้น โดยมิได้สั่งให้คืนฟ้องหรือแก้ไขคำฟ้องในข้อบกพร่องดังกล่าว จนกระทั่งคดีขึ้นสู่การพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 2 โดยโจทก์เป็นฝ่ายอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิจารณาแล้ว เห็นว่า ฟ้องโจทก์ที่ไม่ระบุชื่อผู้เรียงและไม่มีผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้เรียง เป็นคำฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 67 (5) และหยิบยกขึ้นพิพากษายกฟ้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 (5) ประกอบมาตรา 246
คดีจึงมีประเด็นต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า คำฟ้องโจทก์ที่มีข้อบกพร่องดังกล่าวเป็นฟ้องที่พึงพิจารณาให้หรือไม่ เห็นว่า คดีนี้ขณะโจทก์ฟ้องคดีไม่ได้แต่งตั้งทนายความช่วยดำเนินคดีแทน ซึ่งปรากฏในท้ายฟ้องว่าโจทก์ลงลายมือชื่อเป็นโจทก์ด้วยตนเองและยังมีชื่อโจทก์กับลงลายมือชื่อโจทก์เป็นผู้เขียนหรือพิมพ์ด้วย จึงพอฟังได้ว่าโจทก์เป็นผู้เรียงฟ้องดังกล่าว ซึ่งโจทก์มีอำนาจกระทำได้ ดังนั้น แม้โจทก์จะไม่ได้ลงลายมือชื่อในช่องผู้เรียง ก็ยังไม่ถึงกับกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนจนถึงกับต้องยกฟ้องโจทก์ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายกฟ้องโจทก์นั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
อนึ่ง คดีนี้มีประเด็นข้อพิพาทในชั้นฎีกาเพียงว่า ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องที่พึงรับพิจารณาให้หรือไม่ ซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมาย จึงเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ ต้องเสียค่าขึ้นในชั้นฎีกาเพียง 200 บาท แต่โจทก์เสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาจากทุนทรัพย์ 240,000 บาท เป็นเงิน 4,800 บาท จึงเสียเกินมา 4,600 บาท เห็นสมควรคืนค่าขึ้นศาลส่วนที่เสียเกินมาแก่โจทก์
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 แต่ส่วนที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ให้คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ที่เสียเกินมา 1,600 บาท แก่โจทก์ให้คงไว้ ให้ส่งสำนวนคืนศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิจารณาพิพากษาใหม่ คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาส่วนที่เสียเกินมา 4,600 บาท แก่โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกานอกจากที่ศาลสั่งคืนให้เป็นพับ

Share